News Print

จีเอเบิล ผนึกกำลัง ไฮเปอร์ คอร์ป เปิดตัวโซลูชั่น “Biometric Authentication Platform” เสริมเกราะป้องกันองค์กรจากอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ด้วยเทคโนโลยีไบโอเมตริก

          จีเอเบิล ผู้นำการให้บริการไอทีโซลูชั่นครบวงจร จับมือ ไฮเปอร์ คอร์ป บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีไบโอเมตริก (Biometric Technology) จากสหรัฐอเมริกา เปิดตัวโซลูชั่นล่าสุด “ไบโอเมตริก ออเธนติเคชั่น แพลตฟอร์ม (Biometric Authentication Platform)” เทคโนโลยีไบโอเมตริกในการยืนยันตัวตนก่อนเข้าระบบเพื่อป้องกันข้อมูลองค์กรรั่วไหลจากอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ แนะองค์กรทุกขนาดปรับใช้เพื่อเพิ่มมาตรการความปลอดภัยที่เหนือกว่า ประหยัดกว่า และง่ายกว่า

         

          นายสุเทพ อุ่นเมตตาจิต กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล กล่าวว่า “รหัสผ่าน (Password) เป็นเพียงเกราะชั้นแรกและชั้นเดียวที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้เพื่อป้องกันข้อมูลและความเป็นส่วนตัวบนโลกอินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์ก ตลอดจนใช้รหัสผ่านเพื่อเข้าระบบการทำงานและเข้าถึงข้อมูลสำคัญขององค์กรธุรกิจบนคลาวด์ บิ๊กดาต้า โมบายล์ คอมพิวติ้ง หรือเครือข่ายภายในบริษัท แต่รหัสผ่านยังคงมีจุดอ่อนตรงที่สามารถคาดเดาได้ง่ายและขโมยไปได้ง่าย ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เหล่าอาชญากรไซเบอร์ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อเข้าไปเอาข้อมูลสำคัญด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลเผยแพร่หน้าเว็บไซต์ เจาะระบบเพื่อยึดข้อมูลสำคัญขององค์กร หรือโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ และวิธีการที่คนร้ายมักจะใช้มากที่สุด คือ การโจมตีแบบ Social Engineering หมายถึง การใช้เทคนิคทางจิตวิทยาหลอกให้คนหลงกลเพื่อเข้าระบบ เช่น หลอกถามรหัสผ่าน หลอกให้ส่งข้อมูลที่สำคัญให้ หลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตหรือโทรศัพท์ เป็นต้น ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา ทั่วโลกมีคน 2 ใน 5 คนที่ถูกขโมยรหัสผ่านและโดนแฮ็ก แต่สถิติที่น่าตกใจคือประเทศไทยเป็นอันดับ 2 ของประเทศที่ถูกแฮ็กข้อมูลมากที่สุดในโลกและเป็นอันดับ 1 สูงสุดในอาเซียน สำหรับในภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงในการโดนโจมตีมากที่สุด คือ 1) ธุรกิจการเงิน 2) หน่วยงานรัฐบาล และ 3) ธุรกิจด้านสุขภาพ”

         

          “เมื่อจินตนาการถึงความเสียหายที่เกิดจากการโดนขโมยรหัสผ่านเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญและความเป็นส่วนตัว มีตั้งแต่ความเสียหายระดับบุคคล จนถึงความเสียหายระดับองค์กรหรือระดับประเทศ แสดงให้เห็นว่า ระบบรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ (Cybersecurity) เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ดังนั้น จีเอเบิลจึงก่อตั้งกลุ่มธุรกิจ G-Security เพื่อดูแลงานด้านโซลูชั่นระบบรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ และจับมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง HYPR Corp. ผู้นำด้านเทคโนโลยีไบโอเมตริกจากสหรัฐอเมริกา ร่วมกันนำเทคโนโลยีไบโอเมตริกมาใช้อย่างถูกวิธี และพัฒนาเป็นโซลูชั่น “Biometric Authentication Platform” โซลูชั่นพร้อมใช้ตัวแรกของไทยที่มีความเป็นส่วนตัว ความมั่นคงปลอดภัย และความน่าใช้งาน ซึ่งต่างจากการใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกทั่วไปซึ่งโซลูชั่นนี้จะช่วยเสริมเกราะป้องกันข้อมูลสำคัญขององค์กรอีกหนึ่งชั้นให้แข็งแกร่ง” นายสุเทพกล่าวเสริม

           

          ด้าน ดร.ภูมิ ภูมิรัตน ที่ปรึกษาอาวุโส กลุ่มธุรกิจ G-Security เสริมว่า “วิธีป้องกันการคุกคามในโลก ไซเบอร์มีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมการเข้าถึง ซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัย ระบบยืนยันตัวตนด้วย รหัสผ่าน ฯลฯ แต่หนึ่งในวิธีที่ปลอดภัยที่สุด คือ การยืนยันตัวตนก่อนเข้าระบบด้วยเทคโนโลยีไบโอเมตริก ซึ่งเป็นการใช้ข้อมูลทางชีวมิติส่วนบุคคลทางกายภาพ เช่น ลายนิ้วมือ ฝ่ามือ เสียง ม่านตา ใบหน้า ดีเอ็นเอ เป็นต้น หรือทางพฤติกรรม เช่น ลายเซ็น ท่าเดิน เป็นต้น เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนก่อนเข้าระบบ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังมีการปรับใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกอุตสาหกรรม รวมถึงสามารถเข้าถึงคนทั่วไปมากขึ้น ดังที่ได้เห็นจากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่มีฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคสมาร์ทโฟนและยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรกรรมผ่านโมบายล์ เพย์เมนท์ หรือการยืนยันตัวตนเพื่อสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าที่รองรับ IoT (Internet of Things) โดยเทคโนโลยีไบโอเมตริกจะกลายเป็นอนาคตของมาตรการการรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ในเร็ววันนี้”

         

          ด้วยความสำคัญและเทรนด์การใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกนี้เอง กลุ่มธุรกิจ G-Security ของบริษัทจีเอเบิลได้ร่วมมือกับ HYPR Corp. เป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตร FIDO Alliance ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลในการพัฒนาเทคโนโลยีไบโอเมตริก ออเธนติเคชั่น เพื่อพัฒนาโซลูชั่น “Biometric Authentication Platform” ของจีเอเบิล ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่พร้อมใช้งานได้เลย โดยสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์เสริมเข้ากับระบบความปลอดภัยเดิมในองค์กร โดยใช้เวลาติดตั้งระบบภายใน 3-6 เดือน พร้อมทั้งใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือ (Token) ที่สามารถพกพาได้ง่าย ราคาประหยัด และที่สำคัญยังสามารถใช้งานร่วมกับทุกระบบปฏิบัติการบนทุกดีไวซ์ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันอีกด้วย โดยผู้ใช้จะสามารถล็อคอินเข้าระบบโดยการสแกนลายนิ้วมือได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งจะเป็นการลดความเสี่ยงต่อการโดยขโมยรหัสผ่านหรือลดความยุ่งยากในการจดจำรหัสผ่าน เรียกได้ว่าเป็นการเสริมเกราะความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญและความเป็นส่วนตัวขึ้นอีกหนึ่งระดับที่เหนือกว่า ประหยัดกว่า และง่ายกว่า

         

          “ตั้งแต่ต้นปี จีเอเบิลมุ่งลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์อย่างจริงจัง จึงเกิดขึ้นมาเป็นกลุ่มธุรกิจ G-Security ที่ยึด 4 นโยบายหลักในการดำเนินธุรกิจ คือ 1) Security Consulting Service  2) Security Implementation Service 3) Security Managed Service  และ 4) Security Sustainability Service ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้จะมุ่งเน้นไปที่ Security Implementation Service ด้วยการเปิดตัวโซลูชั่น Biometric Authentication Platform เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเบ็ดเสร็จ ครบวงจร พร้อมเตรียมขยายทีมผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยในโลกไซเบอร์กว่า 50 คน พร้อมตั้งเป้าติดตั้งโซลูชั่นนี้ให้กับกลุ่มธุรกิจการเงิน 3-5 รายภายในสิ้นปี” นายสุเทพกล่าวเพิ่มเติม

         

          “การยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีไบโอเมตริกเป็นส่วนสำคัญที่จะเสริมเกราะป้องกันองค์กรให้แข็งแกร่งได้สูงสุด เมื่อทำงานร่วมกับระบบความปลอดภัยอื่นๆ สำหรับจีเอเบิลเองที่ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านเทคโนโลยีและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทระดับโลกอย่าง HYPR Corp. ก็สามารถมั่นใจได้ว่าเกราะป้องกันทางไซเบอร์นี้จะป็นเกราะที่แข็งแกร่งที่มั่นคง น่าเชื่อถือ ช่วยยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับทุกองค์กรอย่างแน่นอน” นายสุเทพกล่าวสรุป

 

 

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 www.thailandindustry.com
Copyright (C) 2009 www.thailandindustry.com All rights reserved.

ขอสงวนสิทธิ์ ข้อมูล เนื้อหา บทความ และรูปภาพ (ในส่วนที่ทำขึ้นเอง) ทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.thailandindustry.com ห้ามมิให้บุคคลใด คัดลอก หรือ ทำสำเนา หรือ ดัดแปลง ข้อความหรือบทความใดๆ ของเว็บไซต์ หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปใช้ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด