Studio & Instrument

ลองเล่นบันทึกเสียงกับ MOTIV MVi Digital Audio Interface จาก SHURE

สุรกิจ คูณขุนทด

 

 

ดิจิตอลออดิโออินเทอร์เฟซ ในรูปแบบคอมแพ็คมินิๆที่ลงตัวที่สุด ตัวกลางสำคัญของการสร้างงานบันทึกเสียงในยุคโซเชียล ”

 

          ากพูดถึงออดิโออินเทอร์เฟซแล้ว มีให้เลือกใช้งานหลากหลายแบบ จากหลากหลายแบรนด์ ทั้งแบบบที่ให้คุณภาพและราคาที่สมเหตุผลกันในคุณภาพระดับมืออาชีพเลือกใช้ จนถึงระดับคุณภาพและราคาที่ระดับมือใหม่มือสมัครเล่นสามารถเลือกหามาใช้งานได้อย่างไม่ยากเย็นนักก็มีอีกมากเช่นกัน หากเป็นงานที่ต้องการคุณภาพระดับสตูดิโอมืออาชีพก็มักจะเป็นแบรนด์ชั้นนำที่ติดระดับท็อปทั้งคุณภาพและรา คา ส่วนใหญ่ก็จะเลือกใช้งานกันเป็นแบบจัดเข้าแร็คในสตูดิโอไปเลย ที่รองรับอินพุตเอาต์พุตได้เยอะอีกทั้งคุณลักษณะทางเทคนิคที่เยี่ยมยอด หากเป็นงานที่ต้องการคุณภาพระดับโฮมสตูดิโอก็มักจะเน้นกันที่ความสะดวกในแบบพกพา ราคาคุณภาพปานกลาง จำนวนอินพุตเอาต์พุตไม่มากมาย ซึ่งเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นรูปแบบสำเร็จรูปของการเริ่มงานบันทึกเสียงที่ผ่านๆมา ที่ต่างต้องการคุณภาพของงานทางเอาต์พุตที่แตกต่างกัน และเหมาะสมกับการนำเอางานสุดท้ายไปใช้งานต่อไป...

 

          หากแต่ในยุคที่เรียกว่าสังคมโซเชียลเฟื่องฟูอย่างเช่นทุกวันนี้ ความต้องการงานบันทึกเสียงเพื่อให้ได้งานที่เฉพาะและรวดเร็ว เหมาะ สมกับการนำไปใช้งานเพื่ออัพโหลดขึ้นทางเครือข่ายโซเชียลต่างๆ โดยที่คุณภาพเสียงยังอยู่ในระดับที่เทียบเท่าการบันทึกเสียงผ่านระบบที่มีอุป กรณ์ครบครันอยู่ ก็เป็นเรื่องที่ตื่นตัวกันมากในยุคนี้ แม้อุปกรณ์สื่อสารจำพวกโน้ตบุ๊ค แม็คบุ๊ค ไอแพด ไอโฟน อุปกรณ์ในระบบแอนดรอยด์ จะสามารถทำการบันทึกเสียงได้ด้วยคุณสมบัติภายในเครื่องเองอยู่แล้วก็ตาม แต่ถ้าหากมีอุปกรณ์ออดิโออินเทอร์เฟซแบบดิจิตอล เข้ามาใช้งานร่วมเป็นตัวกลางในการเก็บเกี่ยวและส่งผ่านสัญญาณจากแหล่งสัญญาณสู่สื่อบันทึกสัญญาณที่มีคุณภาพและหน้าที่เฉพาะ ก็จะทำให้การอัพโหลดงานเสียงต่างๆขึ้นบนเครือข่ายโซเชียลต่างๆได้อรรถรสมากยิ่งขึ้นรวมทั้งสามารถนำไปใช้งานในระดับสตูดิโอได้ด้วย ก็เป็นเรื่องที่เหล่าบรรดาโซเชียลลิตี้ต้องการไม่น้อย

 

 

โลโก้ ShurePlusTM MOTIV App.

 

          แน่นอน Shure แบรนด์ที่ผู้ทำงานด้านเสียงในวงการรู้จักมักคุ้นกันดี ในฐานะผู้ผลิตระบบไมโครโฟนที่ได้คุณภาพครองใจศิลปิน และผู้ทำงานด้านเสียงระดับมืออาชีพทั่วโลกได้เลือกใช้กัน ก็ได้แนะนำอุปกรณ์ออดิโออินเทอร์เฟซแบบดิจิตอล เพื่อความลงตัวสำหรับงานบันทึกเสียงที่สะดวกได้คุณภาพของเสียงระดับมืออาชีพนั่นคือ Shure MOTIV MVi Digital Audio Interface ซึ่งก็ได้เปิดตัวออกมาไม่นานนัก และในคราวนี้ผู้เขียนก็ได้รับความอนุเคราะห์จาก บริษัท มหาจักรดีเวลอปเม้นท์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่าย Shure ในประเทศไทย ได้จัดเตรียม MVi ให้มาลองเล่นและใช้งาน พร้อมกันนี้ก็นำเสนอรีวิวเป็นบทความสู่ท่านผู้อ่านไว้เป็นข้อมูลเสริมอีกด้านหนึ่งด้วยครับ...

 

 

หน้าปัดแบบทัชสกรีนของ MOTIV MVi

 

 

ด้านหลังทรงมนลบเหลี่ยมได้ลงตัว

 

 

ด้านหน้าปัดลาดเอียงทำมุมพอดีการมองที่ชัดและทัชได้ถนัดมือ

 

 

จุดต่อใช้งานต่างๆทางด้านหลัง MOTIV MVi

 

MOTIV MVi Digital Audio Interface

 

          MOTIV MVi เป็นออดิโออินเทอร์เฟซแบบดิจิตอลมาในขนาดแบบพกพา ที่ให้คุณภาพเสียงออกมาในระดับสตูดิโอมืออาชีพแบบเคลื่อนที่ อินพุตแบบ XLR Combo (1/4”) รองรับการต่อใช้งานได้ทั้งกับไดนามิคไมโครโฟน พร้อมแฟนทอมเพาเวอร์จ่ายให้กับไมโครโฟนแบบคอนเด็นเซอร์ด้วย รองรับแหล่งสัญญาณจากอุปกรณ์ดนตรีอย่างกีต้าร์ เบสกีต้าร์ คีบอร์ด เอาต์พุตพอร์ต USB รองรับการเชื่อมต่อเพื่อการบันทึกเสียงสู่ซอฟต์แวร์บันทึกเสียงต่างๆได้ทั้ง Mac, PC, iPhone, iPod, iPad รวมทั้งอุปกรณ์ Android เพื่อการบันทึกเสียงที่ได้คุณภาพที่ดีเยี่ยม มาพร้อมโหมดการปรับตั้งค่า DSP พรีเซตการใช้งานได้ 5 พรีเซต อย่างเช่น Speech, Singing, Flat, Acoustic Instrument, Loud โดยที่ตัวเครื่อง MVi นั้นใช้ระบบสัมผัสในการคอนโทรลระดับสัญญาณต่างๆทั่งระดับสัญญาณเกนอินพุต ความดังของหูฟัง ความแรงทางเอาต์พุต การปิดสัญญาณ (mute) ทั้งหมดทำงานในแบบเรียลไทม์ ตัวเครื่องมาในขนาดเล็กกะทัดรัด เป็นแบบตัวถังโลหะเพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานในแบบพกพา น้ำหนักเบา จึงทำให้ต้องการพื้นที่ใช้งานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงเหมาะที่จะหอบหิ้วติดตัวไปทำงานบันทึกเสียงได้ทุกที่ที่ต้องการ...

 

ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ MOTIV MVi

 

          คุณลักษณะที่โดดเด่นของ MVi นั้นมีหลายประเด็นด้วยกันในอันดับแรกเลยคือ... Apple MFi (Made for iPhone, iPad, iPod) รองรับการใช้งานได้โดยตรงกับอุปกรณ์ iOS โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์หรือไดรเวอร์เพิ่มเติม... ภาคอินพุตออกแบบโดยใช้ JFET คลาส A เป็นบัฟเฟอร์ในภาคปรีแอมป์ทำให้ได้เสียงที่มีโทนและความเคลียร์ของเสียง... มีแฟนทอมเพาเวอร์ 12 – 48 โวลต์ (12 โวลต์สำหรับ iOS และ 48 โวลต์สำหรับ USB)… มีภาค DSP พรีเซตสำหรับการตั้งค่าใช้งาน 5 พรีเซต (Speech, Singing, Flat, Acoustic Instrument, Loud)… ภาคปรับ EQ, คอมเพรสชั่นและลิมิเตอร์แบบอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ผลของสัญญาณดีที่สุด... ส่วนคอนโทรลด้านหน้าเป็นแบบสัมผัสเพื่อการเลือกโหมดการใช้งานและปรับค่าสัญญาณต่างๆทำให้สะดวกมากขึ้น ทั้งการเลือกโหมด, การปรับโวลุ่มของหูฟัง, การปรับเกนอินพุตของไมโครโฟน, และการปิด (Mute) สัญญาณ... มีจุดต่อเอาต์พุตสำหรับหูฟังมาให้พร้อมสำหรับการมอนิเตอร์สัญญาณแบบเรียลไทม์... จุดต่ออินพุตเป็นแบบ Combo XLR (1/4” TRS) เป็นจุดต่อ XLR สำหรับไมโครโฟน หรือ 1/4.” TRS สำหรับกีต้าร์ เบสกีต้าร์ คีย์บอร์ด รวมอยู่ในตัวเดียวกันทำให้สะดวกมากขึ้น... พอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ Micro B to USB และ Micro B to Lightning… ตัวเครื่องออกแบบมาเป็นแบบตัวถังโลหะ เพื่อความแข็งแรงทนทาน ตามแบบฉบับของ Shure… 

 

ความต้องการของระบบ

 

  • Windows : Windows 7, Windows 8, แรมขั้นต่ำ 64MB รองรับพอร์ต USB 2.0

 

  • Macintosh : OSX Lion 10.7, OSX Mountain Lion 10.8, OSX Mavericks Lion 10.9, OSX Yosemite Lion 10.10, แรมขั้นต่ำขนาด 64MB รองรับพอร์ต USB 2.0

 

  • iOS 7.0 หรือสูงกว่า : iPhone 5, iPhone 5c, iPhone 5s, iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPod touch 5, iPad 4, iPad Air, iPad Air 2, iPad Mini 1, iPad Mini 2, iPad Mini 3

 

แกะกล่อง MOTIV MVi

 

          MVi ออกแบบตัวเครื่องมาในขนาดเล็กอยู่ในอุ้งฝ่ามือพอดี น้ำหนักเบาพอๆกับถือสมาร์ทโฟนสองเครื่อง ตัวเครื่องเป็นบอดี้โลหะ แข็งแรง ด้านท้ายตัดซึ่งเป็นส่วนของจุดต่ออินพุตและสายเชื่อมต่อและหูฟัง โดยที่มุมล่างซ้ายเป็นช่องเสียบหูฟังมอนิเตอร์ขนาด 3.5 mm (1/8") ตรงกลางเป็นช่องอินพุตที่รองรับได้ทั้งไมค์และอินสตรูเมนท์เป็นแบบ 3-pin XLR และ ¼" TRS หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็น XLR Combo ส่วนมุมล่างขวาเป็นพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Micro USB ส่วนตรงกลางด้านล่างจุดต่อ XLR นั้นจะเป็นไฟแสดงสถานการณ์ใช้งานแฟนทอมเพาเวอร์ (เปิดใช้งานด้วยการสัมผัสไมค์มิ้วที่ด้านหน้าปักค้างไว้ประมาณ 3 วินาที ทั้งเปิดและปิด เปิดใช้กับไมค์ชนิดคอนเด็นเซอร์)… ส่วนทางด้านหน้านั้นจะจัดทรงลาดเอียงทำมุมพอดีกับการมองเห็นได้ง่าย ซึ่งเป็นส่วนหน้าปัดคอนโทรลที่มาในแบบทัชสกรีน ที่หน้าปัดเครื่องนี้ในมุมบนซ้ายจะเป็นทัชไมค์มิ้วหรืออินพุตมิ้ว (Mute) เมื่อสัมผัสจะมีไฟแสดงเป็นสีแดงและอยู่ในสภาวะการปิดสัญญาณทางอินพุต หากทัชจุดนี้ค้างนาน 3 วินาทีจะเป็นการเปิดและปิดการใช้งานแฟนทอมเพาเวอร์ด้วย… ถัดมาเป็นทัชโหมด (Mode) ใช้ทัชเพื่อเลือกฟังก์ชั่น DSP Preset ของการเซตค่าใช้งานในพรีเซตแบบต่างๆ ซึ่งให้มาทั้งหมด 5 พรีเซตคือ Speech, Singing, Flat, Acoustic Instrument, Loud โดยการทัชเลือกนั้นจะเป็นแบบวนรอบไปทุกครั้งที่มีการทัชพร้อมกับมีไฟสว่างสีเขียวติดในตำแหน่งที่ต้องการใช้งาน… ถัดไปขวาสุดเป็นทัชหูฟัง (Headphone) เปิดการเซตระดับสัญญาณหูฟังมอนิเตอร์ ซึ่งจะสัมพันธ์กันกับทัชเลเวลในแถบล่างสุด เมื่อเปิดใช้งานทัชนี้จะมีไฟแสดงเป็นสีส้ม… ถัดลงมาแถบด้านล่างจะเป็นทัชเลเวล (Mic.&Headphone Level) โดยเมื่ออยู่ในโหมดของการปรับระดับเสียงของหูฟังทั้งไฟแสดงที่หูฟังและแถบเลเวลจะเป็นสีส้ม และเมื่ออยู่ในโหมดของการปรับเกนของไมค์ทั้งไฟแสดงที่พรีเซตโหมดและแถบเลเวลจะเป็นสีเขียว… โดยรวมแล้วทั้งการดีไซน์ตัวเครื่องและคุณลักษณะการใช้งานนั้นลงตัวกันมากเลยทีเดียว ทัชสกรีนให้การสัมผัสการทัชที่ลื่นง่ายในการใช้งาน การเชื่อมต่อใช้งานง่ายรวดเร็วและไม่ต้องการการติดตั้งไดรเวอร์เพราะในตัวเครื่องมีไดรเวอร์มาให้เรียบร้อยแล้ว มันจะติดตั้งไดรเวอร์แบบอัตโนมัติเมื่อทำการเชื่อมต่อ MVi นี้กับอุปกรณ์ที่ต่อใช้งานร่วมภายในเวลาไม่กี่วินาที MVi ก็พร้อมเริ่มการบันทึกได้ทันที…

 

 

ทัชโหมดเลือกพรีเซตใช้งาน

 

 

ทัชสไลด์ปรับเกนไมค์

 

 

ทัชเลือกเซตความดังของหูฟัง

 

 

มิ้ว ปิดเสียงไมค์หรืออินพุต หากทัชค้างจะเปิดใช้งานแฟนทอมเพาเวอร์

 

ลองใช้งาน MOTIV MVi

 

          ในช่วงการลองใช้งานนั้น MVi สามารถเชื่อมต่อใช้งานได้ทั้ง iPod, iPhone, iPad, PC Notebook, Mac Book และสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ได้ด้วย โดยในที่นี้ขอลองเล่นแบบง่ายๆกับอุปกรณ์ไอแพดที่คนทำงานด้านเสียงน่าจะมีกันมากพอสมควร เพราะไอแพดน่าจะถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานในยุคโซเชียลนำมาใช้บันทึกเสียงงานคัพเวอร์แล้วอัพลงยูทูปเรียกยอดวิวกันมามากมายนักต่อนัก หากแต่วันนี้มีอุปกรณ์เสริมที่เหมาะสมอย่าง MVi นี้แล้ว เสียงที่จัดเก็บและอัพขึ้นไปนั้นจะดีกว่าการใช้งานคุณลักษณะที่มีมาในตัวเครื่องไอแพด แน่นอนยอดวิวต้องเพิ่มขึ้นแบบก่ายกองแน่นอน (ก็เป็นอีกบางมุมมองของการใช้งานนะครับ เสียงดีนั้นย่อมดีตั้งแต่แหล่งต้นกำเนิดเสียงครับ)…

               

          ก่อนอื่นก็อยากให้ลองใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นของ Shure MOTIV นั่นคือ ShurePLUSTMMOTIV App. ซึ่งเป็นแอพฯฟรีของทาง Shure ในฟอร์แมต iOS Device สามารถหาดาวน์โหลดติดตั้งได้จาก App, Store เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วลองเข้าไปที่แอพฯดังกล่าวจากนั้นหน้าจอแอพฯก็จะเปิดขึ้นมาพร้อมกับมีส่วนเมนูให้เราเลือกตั้งค่า ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อ MVi เข้ากับไอแพดครั้งแรกเครื่องจะทำการติดตั้งไดรเวอร์ให้อย่างอัตโนมัติใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็เสร็จเท่านี้ก็พร้อมทำงานได้แล้ว เมื่อการลงไดรเวอร์เสร็จแล้วที่หน้าจอหรือหน้าต่างของแอพฯก็จะปรากฏขึ้นมาเป็นหน้าต่างหลัก พร้อมกับมีส่วนของการเลือกโหมด แถบสเกลเสียง แถบไมเกน ตรงกลางด้านล่างเป็นหน้าตาของ MOTIV MVi ในมุมบนขวาของหน้าแอพฯจะมีขีดสามขีดนั้นเป็นช่องทางการเข้าสู่เมนู Record (เริ่มทำการบันทึก), My Recordings ( แหล่งจัดเก็บไฟล์งานที่บันทึก), MOTIV

Setting (เข้าสู่การตั้งค่าของ MVi, และ Info… 

 

 

เปิดแอพการบันทึกเสียงหน้าแรก

 

 

สามขีดด้านบนขวาหน้าจอไอแพด ใช้เข้าเมนูหลัก

 

          ในกรณีที่เปิดแอพฯขึ้นมา แต่ไม่ได้เชื่อมต่อกับไมค์หรืออุปกรณ์ต่างๆในตระกูล Shure MOTIV แอพก็จะเปิดใช้งานผ่านไมค์ของตัว เครื่องไอแพด และจะคอยถามว่าจะเข้าสู่หน้าบันทึกหรือเลือกเชื่อมต่อกับ MOTIV Device ก็สามารถเลือกการทำงานได้ตามความต้องการของเรา แต่ในกรณีที่เราเชื่อมต่อ MOTIV MVi อยู่แล้วก็สามารถเข้าสู่เมนูอื่นๆได้เลย ในที่นี้เราได้เชื่อมต่อ MVi เรียบร้อยแล้ว เราก็เข้าสู่เมนู MOTIV Setting ซึ่งเป็นการเข้าไปตั้งค่าต่างๆเกี่ยวกับ MVi และพารามิเตอร์ต่างๆในพรีเซตที่เราต้องการเลือกใช้งาน ทั้งการเปิดใช้งานภาคลิมิเตอร์, การตั้งค่าของคอมเพรสเซอร์ (มีให้เลือก Off – Light – Heavy โดยในระหว่างช่วงดังกล่าวแต่ละช่วงนั้นก็สามารถเลื่อนแถบอย่างละเอียดได้อีก), การเปิดการบูสต์ไมค์เกน (คล้ายกับแพดสวิตช์ ซึ่งจะเพิ่มเกนขึ้นอีก +20dB ต้องใช้อย่างระมัดระวัง), การปรับ EQ ที่ให้มาทั้งหมด 5 แบนด์ในย่านความถี่ 200Hz, 350Hz, 1.5kHz, 6kHz และ 10kHz,.. เราก็ลองเซตค่าต่างๆตามที่เราต้องการ จากนั้นก็กลับสู่เมนู Record หรือแตะที่พื้นหน้าจอหลักพร้อมกับแตะที่ปุ่มบันทึกเริ่มทำการบันทึกได้เลย…

 

 

เมนู MOTIV Setting

 

 

เมนู Info

 

          โดยในการลองบันทึกเสียงครั้งนี้ ผู้เขียนได้ลองใช้งานร่วมกับไดนามิคไมค์สำหรับการร้องของ Sennheiser พร้อมกับมอนิเตอร์ผ่านหูฟัง ซึ่งการมอนิเตอร์นั้นจะเป็นแบบเรียลไทม์เลย ให้ความรู้สึกว่าเป็นการมอนิเตอร์จริงๆ เสียงไม่หลอกหูทำให้ได้เสียงร้องหรือเสียงที่ผ่านสู่กระ บวนการอื่นๆมีความราบเรียบ เนื่องจากผลของการได้ยินเสียงจากมอนิเตอร์ที่ดีนั่นเอง การทำงานของภาคลิมิเตอร์และคอมเพรสเซอร์นั้นสมูทสัมพันธ์กันดีมาก (จะร้องเบาหรือแหกตะโกนเสียงปลายทางออกมาก็ยังได้เนื้อเสียงที่ราบเรียบไม่ขึ้นลงแตกเพี้ยนเลย ตรงนี้ถือว่าน่าประทับใจทั้งตัว MVi และ ShurePLUSTMMOTIV App. ที่ทำงานสอดรับกันได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นแล้วยังลองใช้งานร่วมกับกีต้าร์ไฟฟ้าด้วย ซึ่งให้ผลที่แตกต่างเล็กน้อยทางด้านการปรับตั้งค่าใช้งาน เนื่องจากสัญญาณจากอุปกรณ์ทางดนตรีนั้นอาจแตกต่างจากเสียงร้องที่จับเสียงผ่านไมค์ ดังนั้นการเล่นตรงเกนอินพุตก็สามารถทำได้อย่างไม่ยุ่งยากมากนัก หรือสัญญาณอื่นๆที่อยู่ในระดับไลน์ก็สามารถจัดการได้ไม่ยากนักเช่นกัน แต่สำหรับอุปกรณ์ดนตรีอย่างเช่นกีต้าไฟฟ้า และเบสไฟฟ้า ที่เล่นผ่านเอฟเฟ็กแร็คที่เป็นอะนาลอกนั้น สัญญาณไลน์อาจแรงมากในช่วงที่มีการเปลี่ยนจากเล่นคอร์ดปรกติมาสู่การรีดโซโล หรือการจับเสียงด้วยไมค์ผ่านหน้าตู้แอมป์ เหล่านี้ต้องให้ความระมัดระวังในการเซตเกนอินพุตหรือแม้กระทั่งภาคลิมิเตอร์และคอมเพรสเซอร์ แต่โดยรวมแล้วการเซตค่าใช้งานต่างๆก็อยู่บนพื้นฐานการทำงานบันทึกเสียงมาตรฐาน หากแต่ฟังก์ ชั่นอาจไม่มากมายเหมือนกับการลงบอร์ดหรือซอฟต์แวร์ใหญ่ๆ แต่ในระดับการใช้งานแบบพกพากับอุปกรณ์แบบพกพานั้น ในที่นี้ถือว่าลงตัวที่ สุดแล้วทั้งคุณภาพของเสียงและความง่ายสะดวกในการเตรียมการใช้งานรวมไปถึงการทำงานในขั้นตอนต่างๆที่มีเพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น… นอกจากนั้นไฟล์เสียงที่เราบันทึกเสร็จแล้ว แอพจะถามเราว่าจะจัดเก็บไว้หรือไม่ หากตกลงในเบื้องก็จะให้เซฟเป็นชื่อไฟล์ที่เครื่องตั้งมาให้คือ New Recording 1 และเรียงลำดับกันไปต่อเนื่องหากมีการจัดเก็บการบันทึกเสียงอื่นๆอีก หากต้องการใส่ชื่อไฟล์ตามความถนัดหรือตามความเข้าใจและตามเนื้อเรื่องที่เราบันทึกเสียง ก็สามารถทำการป้อนชื่อใหม่ได้ในตอนแรกที่เครื่องถามจะให้บันทึกไฟล์ พร้อมกับการเปิดหน้าจอมาในโหมดการเล่นกลับ หรือหากเราต้องการแชร์ไฟล์หรือส่งไฟล์ผ่านเมล์ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยการเข้าไปที่เมนู (ขีดสามขีดมุมขวาบนของหน้าจอในไอแพด) ซึ่งก็จะมีช่องทางการจัดเก็บและจัดส่งไฟล์งานให้เราเลือกได้ตามต้องการ…

 

 

ขณะบันทึกเสียง จะมีเวลาบอกให้รู้ว่าทำงานต่อได้อีกกี่ชั่วโมง

 

 

ไฟล์ที่เซฟและเล่นกลับ

 

 

ไฟล์เสียงที่พร้อมส่งต่อสู่โลกภายนอก

 

          นอกจากนั้นแล้ว MVi หากเมื่อใช้งานร่วมกับระบบคอมพิวเตอร์พีซีหรือแม็ค ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบันทึกเสียงได้อีกมาก ทั้งการบันทึก, การอีดิตไฟล์เสียง, การใส่ปลั๊กอินเอฟเฟ็กต์ต่างๆตามที่สามารถทำได้บนโปรแกรมบันทึกเสียงที่เลือกใช้งาน ซึ่งก็จะได้คุณลักษณะการใช้งานของ MVi ได้เต็มพิกัดกันไปเลย…

 

สรุป…

 

          Shure MOTIV MVi ถือเป็นออดิโออินเทอร์เฟซที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด ที่ให้คุณลักษณะการใช้งานที่ตอบโจทน์การทำงานแบบพกพาของคนทำงานบันทึกเสียงในยุคของโซเชียลมีเดียที่กำลังมาแรง ที่เน้นในเรื่องความสะดวกสบาย ความง่ายในการใช้งาน ความคล่องตัวสูงเมื่อต้องมีการแชร์ไฟล์หรือการอัพโหลด เพื่อการเผยแพร่ในโลกโซเชียลในแง่มุมต่างๆ ที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม ที่ฝ่าอุปสรรคของข้อจำกัดในเรื่องของอุปกรณ์ใช้งานดังที่เคยประสบมา หรือแม้กระทั่งการใช้งานร่วมกับระบบบันทึกเสียงขนาดใหญ่ในลักษณะเป็นส่วนเสริม เพื่อต้องการความคล่องตัวในการทำงานจากแหล่งเสียงหรืออุปกรณ์ทางดนตรีอื่นๆเสริมเข้ามาในระบบแบบเฉพาะการณ์ ก็สามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน… 

 

 

ใช้อุปกรณ์หลักเพียงเท่านี้ก็บันทึกเสียงทำงานได้แล้ว

 

 

เล่นกลับไฟล์เสียงที่จัดเก็บไว้

 

… ด้วยขนาดที่เล็ก น้ำหนักที่เบา คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม อยู่ในอุ้งมือคุณแล้ว กับ Shure MOTIV MVi Digital Audio Interface…

 

Specifications : Shure Mvi Digital Audio Interface

     MFi Certified                            : Yes
     DSP Modes (Presets)               : Speech / Singing / Acoustic / Loud / Flat
     Input                                        : Combination XLR and ¼" (6.35 mm) TRS
     Input Impedance                     : 3-pin XLR : >2kΩ, ¼" TRS : >1MΩ
     Bit Depth                                  : 16-bit / 24-bit
     Sampling Rate                          : 44.1 / 48kHz
     Frequency Response                : 20Hz to 20kHz (@ minimum gain, Flat mode)
     Adjustable Gain Range            : 3-pin XLR : 0 to +36dB, ¼" TRS : +9dB
     Maximum Input Level              : 3-pin XLR : 0dBV, ¼" TRS : +9dBV
     Headphone Output                  : 3.5 mm (1/8")
     Power Requirements               : Powered through USB or Lightning connector
     Phantom Power                       : USB : +48VDC, iOS : +12VDC
     Input Mute                               : Yes
     Housing                                    : All-metal construction
     Net Weight                               : 310.0 g (10.93 oz.)
     Dimensions                               : 42 × 84 × 72 mm (H × W × D)
     Cable                                         : Includes 1 Micro-B-to-USB cable and 1 Micro-B-to-Lightning cable

 

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือทดลองใช้งานได้ที่โชว์รูม บริษัท มหาจักรดีเวลอปเม้นท์ จำกัด โทร. 02-378-9999 และที่ www.mahajak-pro.com

 

 

 

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 www.thailandindustry.com
Copyright (C) 2009 www.thailandindustry.com All rights reserved.

ขอสงวนสิทธิ์ ข้อมูล เนื้อหา บทความ และรูปภาพ (ในส่วนที่ทำขึ้นเอง) ทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ www.thailandindustry.com ห้ามมิให้บุคคลใด คัดลอก หรือ ทำสำเนา หรือ ดัดแปลง ข้อความหรือบทความใดๆ ของเว็บไซต์ หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปใช้ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด