จากบทความตอนที่แล้วนั้นได้กล่าวถึงโปรแกรมสำหรับพัฒนาและเขียนโปรแกรมพีแอลซี Allen Bradley ตระกูล SLC500 และตระกูล MicroLogix ซึ่งประกอบด้วยโปรแกรม RSLinx Classic ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับพีแอลซีและโปรแกรม RSLogix 500 นั้นเป็นซอฟต์แวร์สำหรับเขียนโปรแกรมพีแอลซี โดยที่ได้อธิบายขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมลงคอมพิวเตอร์ สำหรับบทความตอนนี้จะกล่าวถึงการใช้งานโปรแกรม RSLogix 500 เบื้องต้นสำหรับสร้างโปรเจกต์โดยจะแบ่งเป็นลำดับขั้นตอนการทำงาน
ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยีหนุนบริษัทเอกชน ตั้งแล็บตรวจวิเคราะห์อาหารและการเกษตรครบวงจร ในรูปเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และให้คำปรึกษาการทำระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการ พร้อมพัฒนาสู่สถาบันระดับภูมิภาค สร้างมาตรฐานการส่งออกของไทยสู่สากล
จากตอนที่แล้วนั้นเราได้กล่าวถึงการจัดการหน่วยความจำและคำสั่งพื้นฐานของพีแอลซี Allen Bradley สำหรับตอนนี้เราจะเริ่มต้นสำหรับเขียนโปรแกรมกัน การที่จะทำงานกับพีแอลซีเพื่อควบคุมการทำงานของเครื่องจักรหรือควบคุมกระบวนการนั้นจำเป็นจะต้องมีองค์ประกอบหลักสองส่วนคือฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
มีวิธีการหลายวิธีที่ใช้ในการแก้ปัญหา Markov Model เพื่อหาคำตอบค่าความน่าจะเป็นในการเปลี่ยนสถานะจากการทำงานปกติไปยังสถานะที่ต้องการ แต่สำหรับการแก้ปัญหาในบางวิธีอาจไม่เหมาะสมสำหรับการตรวจสอบฟังก์ชันนิรภัย เมื่อมีการจัดเตรียมช่วงเวลาตรวจสอบและซ่อมแซมถูกรวมเข้าไปในฟังก์ชันนิรภัย วิธีการหนึ่งที่เหมาะสมสำหรับการแก้ปัญหาของแผนภาพ Markov Model โดยใช้วิธีการทางตารางตัวเลขเป็นการคูณเมตริกของจำนวนเวลาที่ทำการพิจารณา ช่วงเวลาการพิจารณาที่ถูกเลือกและอัตราความผิดพลาดจะเป็นมาตราส่วนสำหรับช่วงเวลานั้น ความน่าจะเป็นของการเปลี่ยนสถานะบนเส้นโค้งที่กำหนดโดยอัตราความผิดพลาด คูณด้วยช่วงเวลา การเลือกช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้การแก้ปัญหาด้วย Markov Model มีความแม่นยำมาก มาตราส่วนอัตราความผิดพลาดถูกแสดงอยู่บนทุกเส้นโค้งแทนที่ความน่าจะเป็น ซึ่งรวมไปด้วยอัตราความผิดพลาดและช่วงระยะเวลาMarkov Model สามารถถูกแทนโดยเมตริกที่แสดงเส้นทางความน่าจะเป็นระหว่างแต่ละสถานะ เมตริกเส้นทางสามารถถูกคูณด้วยเมตริกแนวนอนแทนที่สถานะเริ่มต้น ผลลัพธ์เมตริกแนวนอนให้เวลาขึ้นอยู่กับความน่าจะเป็นสำหรับแต่ละสถานะ ตัวอย่างฟังก์ชันนิรภัยที่ประกอบด้วยเครื่องมือวัด 3 ตัวในรูปแบบ 2oo3 (Two out of Three Voting) แสดงแผนภาพกระบวนการผลิตและ Fault Tree Analysis ได้ดังรูปที่ 9 และ 10
ในการออกแบบระบบนิรภัยหรือระบบ SIS (Safety Instrumented System) เพื่อนำไปใช้สำหรับป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมกระบวนการผลิตประเภทต่าง ๆ ซึ่งความเสียหายเหล่านี้จะรวมไปถึงความเสียหายต่อสิ่งมีชีวิต, ต่อสิ่งแวดล้อมและความเสียหายต่ออุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์ที่จะได้จากกระบวนการผลิต ในอดีตที่ผ่านมา การออกแบบส่วนใหญ่แล้วผู้ชำนาญพิเศษในระบบควบคุมและเครื่องมือวัดทางอุตสาหกรรม (Control and Instrumentation) จะมีความเชื่อมั่นอยู่บนประสบการณ์ของตนเองและข้อปฏิบัติที่ดีในการออกแบบระบบป้องกันหรือระบบนิรภัย แต่ในปัจจุบันการออกแบบระบบนิรภัยกับอุตสาหกรรมกระบวนการผลิตต่าง ๆ ได้มีความต้องการถูกกำหนดขึ้นในมาตรฐานสากลที่สามารถทำได้โดยการคำนวณเกี่ยวกับปริมาณหรือจำนวนตัวเลขเพื่อใช้ยืนยันว่าระบบนิรภัยที่ทำการออกแบบนั้นมีความเหมาะสมกับความต้องการ ระบบนิรภัยที่มีใช้ในอุตสาหกรรม ดังตัวอย่าง อาทิเช่น ระบบบริหารการเผาไหม้หรือระบบ BMS (Burner Management System) มีคุณสมบัติที่ดีในฟังก์ชันการป้องกันความเสียหายด้วยตัวเอง, ระบบ SIS (Safety Instrumented System) หรือระบบนิรภัยที่ใช้ระบบไฟฟ้าและเครื่องมือวัดทางอุตสาหกรรมเป็นส่วนประกอบ ควรจะต้องถูกออกแบบให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น IEC 61508/61511, SP 84.01 หรือ NFPA