เนื้อหาวันที่ : 2009-12-04 17:05:48 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2804 views

สะบายดี ลาวใต้

วันนี้ผู้เขียนจะพาทุกท่านข้ามแดนไปทางตอนใต้ของประเทศเพื่อนบ้านของเรา เพื่อชมความงามและความยิ่งใหญ่ของแม่น้ำโขงตอนใต้

.

สะบายดีท่านผู้อ่านทุกท่าน สบายดีเป็นคำทักทายของพี่น้องชาวลาวใช้แทนคำว่าสวัสดีตามแบบไทย ฉบับนี้ผมขอพาทุกท่าน ข้ามแดนไปเที่ยวทางตอนใต้ประเทศเพื่อนบ้านคือสาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในแขวงจำปาสัก ที่มีอาณาเขตติดกับจังหวัดอุบลราชธานีของไทยเพื่อชมความงามและความยิ่งใหญ่ของแม่น้ำโขงตอนใต้ ซึ่งมีความกว้างใหญ่จนเกิดเกาะแก่งขึ้นมากมายถึงสี่พันเกาะจนได้รับขนานนามว่าสี่พันดอนหรือมหานทีสี่พันดอน ตลอดจนน้ำตกต่างๆ ที่สวยงามอย่างน้ำตกคอนพะเพ็งและน้ำตกหลี่ผี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นไนแองการ่าแห่งเอเชีย

.
เตรียมตัวก่อนเดินทาง

-  การเข้า สปป.ลาว ผู้ที่ไม่มีหนังสือเดินทาง (Passport) สามารถทำบอร์เดอร์พาส (ใบผ่านแดนชั่วคราว) ได้ที่ด่านช่องเมก
- รถยนต์ที่นำออกนอกประเทศ ต้องไปขอพาสปอร์ตรถ ที่สำนักงานขนส่ง ตามเขตที่รถเรา สังกัด เสียค่าธรรมเนียม 55 บาท
- ใบอนุญาตขับรถ ที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว ค่าธรรมเนียมการแปล 20 บาท หรือใบขับขี่สากล
- ถ้ารถยังติดไฟแนนซ์อยู่จะต้องไปขอใบมอบอำนาจจากไฟแนนซ์เสียก่อนแล้วขอยืมเล่มเขามาด้วย

.
เอกสารที่จะต้องเตรียมมีดังนี้ (สำหรับคนที่ถือพาสปอร์ต ไม่ต้องเตรียมอะไรอีกเลย)
สำหรับคนที่ไม่มีพาสปอร์ต

1. รูปถ่าย 1-2 นิ้ว จำนวน 3 ใบ
2. สำเนาทะเบียนบ้าน 3 แผ่น
3. สำเนาบัตร ปชช. 3 แผ่น (พร้อมตัวจริง)
4. ใบขออนุญาตผ่านแดนชั่วคราว (ขอที่ ตม.ได้เลย)
5. ค่าธรรมเนียม ตม.ไทย ฟรี

.
สำหรับรถยนต์ มีเอกสารดังนี้

1. หนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ (พาสปอร์ตรถ) 2 ชุด (ตม. เก็บ 1 ชุด/ ศุลกากร เก็บ 1 ชุด)
2. สำเนาคู่มือทะเบียนรถ (เล่ม) พร้อมตัวจริง 2 ชุด
3. สำเนาพาสปอร์ตคนของเจ้าของรถ 2 ชุด
4. สำเนาใบขับขี่ (แปลเป็นภาษาอังกฤษ / หรือใบขับขี่สากล) 2 ชุด
5. สำเนาบัตร ปชช. ของเจ้าของรถ
6. ค่าธรรมเนียมเอารถออกนอกประเทศ ที่ตม. 100 บาท ส่วนตรงศุลกากรฟรี

.

.
พอข้ามไปฝั่ง สปป.ลาว(ด่านวังเต่า) เริ่มเดินรถทางด้านขวา

1. เอกสารจะได้จากตมไทย เพื่อยื่น ตม. สปป.ลาว
2. ค่าธรรมเนียมสำหรับคน จ่ายคนละ 2 หมื่นกีบ หรือประมาณ 75 บาทไทย (ต่อรองได้อาจจะเหลือแค่คนละ 70 บาท)
3. ค่าธรรมเนียมรถยนต์ใช้ทางหลวงใน สปป.ลาว  8 หมื่นกีบหรือ 300 บาทไทย (สำหรับรถยนต์สี่ล้อและรถกระบะ)
4. ค่าธรรมเนียมประกันบุคคลที่สาม (พรบ.) อีก 8 หมื่นกีบ (300 บาทไทย)
5. ค่าพ่นควัน(ยา)กันเชื้อโรค 5 พันกีบ (ประมาณ 20 บาทไทย)

.

หากไม่ได้นำรถยนต์ส่วนตัวมาด้วย สามารถโดยสารรถประจำทางจากสำนักงานขนส่งจังหวัดอุบลราชธานี สายอุบล – ปากเซ ซึ่งรถจะจอดรอระหว่างเดินพิธีการผ่านแดนทั้ง 2 ประเทศครับ

.

กรณีที่เดินทางจากด่านช่องเมก (ฝั่งไทย) หลังจากผ่านด่านวังเต่า (ฝั่ง สปป.ลาว) แล้วจะมีรถโดยสารประจำทาง ไปยังเมืองปากเซซึ่งเป็นเมืองหลวงของแขวงจำปาสัก กรณีที่มากัน 4 คนขึ้นไปผมแนะนำให้เหมารถจากบริเวณด่านเพื่อใช้เดินทางท่องเที่ยวในลาวใต้ครับ ราคาประมาณ 1,000 - 1,500 บาทต่อวันแล้วแต่ต่อรองครับ

.

เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ก่อนการเที่ยวปากเซ

อาหารในปากเซตามร้านตามสั่งมีเหมือนกันในไทยแทบจะทุกอย่างครับแต่รสชาติออกจะจืด ไม่รสจัดเหมือนอาหารไทยครับ

.

ที่พักในปากเซ ที่พักมีหลายระดับตามงบประมาณเลยครับ มีตั้งแต่ราคา 200 บาท ไปจนถึงนอนวังในราคา 1,200 บาท แต่ก็ดูให้ดีๆ หน่อยนะครับ ถ้าจะสั่งอาหารในโรงแรมดูเวลาครัวปิดด้วยนะครับ ที่นี่ครัวปิดเป็นเวลา ไม่เปิดตลอด 24 ชม.แบบไทยครับ ในทริปนี้ผมพักที่โรงแรมจำปาสักพาเลส ซึ่งเป็นวังเก่าของเจ้าบุญอุ้ม กษัตริย์องค์สุดท้ายที่ปกครองแขวงจำปาสักครับ ราคา 1,200 บาทต่อคืน

.

การเดินทางในปากเซ ถ้าใครชอบใช้บริการของทัวร์ที่นี่รถโดยสารทุกคันที่เรานั่งสามารถพาเราไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวในจำปาสักได้ทันทีครับ ส่วนราคาก็สามารถต่อรองกันได้

.
การจับจ่ายในลาว ที่นี่ใช้เงินได้ 3 สกุล คือ บาท ดอลลาร์สหรัฐ แล้วก็กีบของลาวครับ แต่ผมใช้เงินบาทไทยตลอดครับ
.

คนลาว ที่นี่ทุกคนอัธยาศัยดีมากครับ บางคนจะเขินๆ เวลาพูดกับเราก็ดูน่ารักไปอีกแบบ แต่ทุกคนพอรู้ว่าเราเป็นคนไทยเค้าจะเป็นมิตรมากครับ ภาษาลาวคล้ายๆ ภาษาเหนือของเราการสื่อสารจึงไม่เป็นอุปสรรค์ อีกอย่างคนลาวชอบดูทีวีช่องละครไทยจึงพูดและฟังภาษาไทยได้ดีอยู่ที่เมืองปากเซคุณสามารถชมรายการฟรีทีวีของไทยได้ทุกช่องครับ การซื้อของในตลาดที่ลาวให้ต่อรองราคาเกินครึ่งนะครับแล้วอย่าทำหน้าเหมือนอยากได้ครับ

.

.
การเดินทางสู่มหานทีสี่พันดอน

สำหรับทริปนี้ผมมีเวลา 2 วัน 1 คืนในลาวใต้และไปด้วยกันหลายคน ผมจึงเหมารถตู้เพื่อท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุดครับ โดยตัดบางสถานที่สำคัญบางที่ อย่างปราสาทหินวัดภูออกไป หลังจากที่ทำเรื่องผ่านด่านเรียบร้อยแล้ว รถตู้นำคณะของเรามุ่งสู่ตัวเมืองปากเซ เราแวะกินมื้อกลางวันกันที่นี่ 

.

เมืองปากเซเป็นเมืองที่สงบผู้คนไม่มากนัก คนลาวส่วนใหญ่นิยมใช้รถมอเตอร์ไซด์ในการเดินทาง แต่การขี่รถมอเตอร์ไซด์ของคนที่นี่ไม่เป็นระเบียบหากนำรถมาเองนอกจากต้องระวังเรื่องการเดินรถชิดขวาแล้ว ยังต้องระวังรถมอเตอร์ไซด์ให้ดี

.

เราออกจากปากเซหลังอาหารกลางวัน รถผ่านออกไปนอกเมืองเป็นเส้นทาง 4 เลนได้ซักพักก็เลี้ยวขวาลงไปทางใต้เป็นทางเลนเดียวสวนกัน ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 13 ซึ่งสามารถต่อเข้าไปในเขมรได้ ออกจากตัวเมืองปากเซไปได้ไม่นานก็จะเจอโรงงานผลิตเบียร์ลาวตั้งอยู่ทางขวามือ  

.

ในระหว่างทางไปทางแยกบ้านนากะสัง จะมีด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง 2 แห่ง แห่งแรกก่อนถึงทางแยกไปวัดพู และแห่งที่สองก็อยู่ระหว่างทาง แต่ถ้าจะไปถึงเวินคาม ชายแดนติดต่อเขมร ก็จะมีด่านเก็บเงินอีกแห่งหนึ่ง ถ้าจะไปดูปลาโลมาน้ำจืด หรือโลมาอิระวดี ก็ต้องเสียค่าบำรุงทางหลวงเพิ่ม สำหรับค่าผ่านทางทั้งสองแห่งที่เราผ่านเก็บราคารถยนต์สี่ล้อคันละ 5,000 กีบ

.

รถวิ่งตามทางหมายเลข 13 มาได้ประมาณ 67 กม. ถึงบ้านแม่สังเป็นจุดพักรถ และให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำแถวนี้ จะมีเนื้อเก้งตากแห้งขายกันเต็มไปหมด ก่อนถึงน้ำตกคอนพะเพ็งประมาณ 9 กม. หรือประมาณ 144 กม. จากปากเซ จะมีทางเลี้ยวขวาเข้าท่าเรือบ้านนากะสัง เป็นถนนลูกรัง ระยะทางเข้าไป 3 กม. แต่ก็เป็นการนั่งรถแบบหัวคลอนตลอดทาง

.

.

พอไปถึงบ้านนากะสังเราต้องนำรถไปฝากไว้ โดยเสียค่าฝาก 5,000 กีบ จากนั้นก็เตรียมตัวไปนั่งเรือหางยาวต่อ บ้านนากะสังเป็นแค่ทางผ่านของนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นเรือไปดอนต่างๆ เพื่อไปพักตามโฮมสเตย์ เกสเฮ้าส์ หรือบังกาโล ซึ่งจากตรงนี้สามารถแยกไปได้หลายดอน เช่นดอนเดช ดอนคอน หรือดอนโขงซึ่งเป็นดอนหรือเกาะใหญ่ที่สุด บริเวณนี้จึงเรียกว่าสี่พันดอนเนื่องเพราะมีเกาะแก่งมากมาย

.

ที่ท่าเรือจะมีบริการขายตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยว ถ้าไปแบบเดี่ยวๆ ก็ต้องรอผู้โดยสารที่จะไปทางเดียวกันก่อน หากมากันหลายคนก็เรือได้เลย ค่าโดยสารที่ไปดอนเดช ไป - กลับ คนละ 15,000 กีบใช้เวลาเดินทางโดยเรือหางยาว ประมาณ 20 นาที มาถึงดอนเดชใกล้ๆ กับท่าขนส่งทางเรือที่ฝรั่งเศสสร้างไว้ตอนที่เข้ามาปกครองลาว

.

เมื่อขึ้นจากเรือเราต้องมาต่อรถ 5 แถวกัน รถ 5 แถวคล้ายๆ กับรถบริการในสวนสนุกบ้านเรา แต่ดูสมบุกสมบันกว่าและมีที่นั่งอยู่ 5 แถว ระยะทางที่เราต้องนั่งรถไปน้ำตกหลี่ผี ประมาณ 4 กม. รถจะวิ่งไปตามทางลูกรังที่ดูเหมือนคันนามากกว่า เส้นทางจะผ่านทุ่งนาไปเรื่อยๆ และข้ามสะพานไปดอนดอน ผ่านหัวรถจักรเก่าสมัยฝรั่งเศสและวิ่งต่อไปอีกจนถึงลานจอด

.

จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร ก็ถึงน้ำตกหลี่ผี ค่าโดยสารไปกลับเขาคิดคนละ 15,000 กีบ แต่ถ้าเหมาคันไปเขาคิดคันละ 150,000 กีบ ตรงลานจอดรถจะมีที่ขายตั๋วสำหรับเข้าชมน้ำตก โดยคิดจากนักท่องเที่ยวคนละ 9,000 กีบ หลังจากนั้นก็เดินข้ามสะพาน และตรงไปก่อนถึงริมแม่น้ำโขงจะได้ยินเสียงน้ำไหลดังกึกก้อง

.

.

น้ำตกหลี่ผีหรือตาดสัมพะมิด

หลี่ เป็นภาษาลาว หมายถึง เครื่องมือจับปลาชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายลอบ ส่วนคำว่าผี หมายถึง ศพ คนตาย ซึ่งบริเวณน้ำตกหลี่ผีจะมีกระแสน้ำไหลบ่า ตามพื้นที่ราบผ่านแผ่นหิน แล้วไหลตกลงมาผ่านช่องหินที่แตกแยกออกจากกัน ลงสู่เบื้องล่างเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร จุดที่ในอดีตพบศพมากๆ คือบริเวณร่องหินของน้ำตกหลี่ผี  

.

บริเวณนี้กระแสน้ำจะไหลมารวมตัวกันเป็นแอ่งขนาดใหญ่ทำให้ศพของทหารในสมัยสงครามอินโดจีน จำนวนมากลอยมาติดในหลี่จับปลา ชาวลาวจึงเรียกน้ำตกแห่งนี้ว่า น้ำตกหลี่ผี บริเวณทางเข้าของน้ำตกหลี่ผีมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และเครื่องดื่มให้บริการแก่นักท่องเที่ยว

.

จากน้ำตกหลี่ผีเรานั่งรถ 5 แถวย้อนกลับเส้นทางเดิม เพื่อมาขึ้นเรือหางยาวกลับมายังท่าเรือบ้านากะสัง มาถึงท่าเรือบ้านนากะสังก็เย็นมากแล้ว จึงรีบขึ้นรถย้อนกลับมายังทางหลวงหมายเลข 13 ลงไปทางใต้อีก 6 กม. ถึงทางเข้าบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 150 กม. เลี้ยวขวาไปตามถนนลาดยางอีกประมาณ 800 เมตรก็จะถึงด่านเก็บเงินค่าเข้าชมน้ำตกคอนพะเพ็ง เสียค่าธรรมเนียม 9,000 กีบ จากนั้นเดินทางไปจนสุดถนนลาดยางอีก 1 กม. ก็จะถึงศาลาจุดชมวิวน้ำตกคอนพะเพ็ง

.

.

น้ำตกคอนพระเพ็งหรือตาดคอน

เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดในเขตแม่น้ำโขงตอนล่าง ถูกกั้นด้วยแก่งหินน้อยใหญ่ขนาดมหึมาซึ่งกั้นทางเดินของลำน้ำโขงหลายสาย มีความต่างระดับกันสูงประมาณ 10 เมตรเศษ แม้จะมีความสูงไม่มากนักแต่กระแสน้ำก็ยิ่งใหญ่และรุนแรงมาก สาเหตุก็เพราะแม่น้ำโขงทั้งสายไหลลงมาก่อนที่จะแยกเป็นหลายสาย แต่ถ้าหากเป็นน้ำตกเล็กๆ สามารถนับได้เป็นร้อยๆ สาย

.

สาเหตุเพราะแรงดันของแม่น้ำโขงทั้งสาย มีกำลังมหาศาลโถมกระหน่ำราวกับจะถล่มทลายแก่งหินอย่างดุดันเกรี้ยวกราด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน  สีของแม่น้ำโขงจะเป็นสีปูนกินหมากและกระแสน้ำจะทวีความรุนแรงมากกว่าในฤดูร้อนหลายเท่า สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้มาเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่งสมกับคำยกย่องให้เป็น "ไนแองการ่าแห่งเอเชีย"   

.

ภาพของน้ำตกคอนพะเพ็งอันยิ่งใหญ่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดจากบริเวณศาลาขนาดใหญ่ที่สร้างไว้เป็นจุดชมวิวทางด้านบน อยู่เหนือนบริเวณน้ำตกคอนพะเพ็งขึ้นมา ใกล้กับลานจอดรถมีร้านกินดื่มจำหน่ายอาหารตามสั่งซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเมนูปลารสเด็ดที่จับได้ในแม่น้ำโขงเช่น ลาบปลา ปลาเผา ต้มยำปลา แกล้มกับเบียร์ลาวเย็นๆ หายเหนื่อยจากการเดินทางเป็นปลิดทิ้ง พร้อมห้องสุขาไว้บริการแก่นักท่องเที่ยว

.

พวกเราอยู่ชมน้ำตกคอนพะเพ็งจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า จากนั้นจึงตีรถกลับเข้าไปนอนที่ปากเซ สำหรับผู้ที่จะมาค้างคืนที่นี่แนะนำให้มาที่น้ำตกคอนพะเพ็งก่อนแล้วค่อยไปน้ำตกหลี่ผีและหาที่พักที่สี่พันดอนซึ่งมีให้เลือกมากมายครับ

.

การเดินทางในลาวใต้ของเรายังไม่จบครับผมขอพาผู้อ่านร่วมเดินทางต่อใน add magazine ฉบับหน้าครับ

.