เนื้อหาวันที่ : 2006-12-22 09:25:54 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 788 views

ต่างชาติเทขายหุ้นไทยกดดัชนีลงกว่า 20 จุด

ต่างชาติยังเทขายหุ้นต่อ เพราะไม่มั่นใจในมาตรการสกัดการเก็งกำไรเงินบาท รวมทั้งมาตรการที่ออกมาแล้วยังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะการกันสำรองร้อยละ 30 ทำให้นักลงทุนต่างก็ลดพอร์ตการลงทุน ซึ่งเชื่อว่าในระยะสั้นจะยังไม่กลับเข้ามาลงทุน โดยคงรอจนกว่าจะผ่อนคลายมาตรการ หรืออาจจะยาวจนถึงการเลือกตั้งใหม่

ต่างชาติยังเทขายหุ้นต่อ เพราะไม่มั่นใจในมาตรการสกัดการเก็งกำไรเงินบาท รวมทั้งมาตรการที่ออกมาแล้วยังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะการกันสำรองร้อยละ 30 ทำให้นักลงทุนต่างก็ลดพอร์ตการลงทุน ซึ่งเชื่อว่าในระยะสั้นจะยังไม่กลับเข้ามาลงทุน โดยคงรอจนกว่าจะผ่อนคลายมาตรการ หรืออาจจะยาวจนถึงการเลือกตั้งใหม่

.

ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21 ธ.ค.) ดัชนีหุ้นไทยถูกแรงเทขายทำกำไร หลังจากที่วานนี้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงถึง 69.41 จุด เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติไม่มั่นใจว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีมาตรการใหม่ออกมาในการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทหรือไม่ โดยมีแรงขายหุ้นธนาคารพาณิชย์ พลังงาน โดยดัชนีลงไปต่ำสุดที่ 671.40 จุด ลดลง 20.15 จุด และปิดตลาดการซื้อขายที่ 676.10 จุด ลดลง 15.45 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 20,201.90 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ระดับ 192.40 จุด ลดลง 1.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 284.86 ล้านบาท

.

นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติยังเทขายหุ้นออกมา เพราะไม่มั่นใจว่า ธปท.จะมีมาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรเงินบาทออกมาอีกหรือไม่ รวมทั้งเห็นว่ามาตรการที่ออกมาแล้วยังไม่มีความชัดเจน

โดยเฉพาะการกันสำรองร้อยละ 30 ว่าจะรวมถึงเงินลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ด้วยหรือไม่ ทำให้นักลงทุนต่างก็ลดพอร์ตการลงทุน ซึ่งเชื่อว่าในระยะสั้นจะยังไม่กลับเข้ามาลงทุน โดยคงรอจนกว่าจะผ่อนคลายมาตรการ หรืออาจจะยาวจนถึงการเลือกตั้งใหม่ ดังนั้น จึงเชื่อว่าในช่วงเดือนมกราคมตลาดหุ้นจะไม่ร้อนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา และมูลค่าการซื้อขายคงเบาบางอย่างต่อเนื่อง ระหว่าง 8,000-10,000 ล้านบาท โดยดัชนีมีแนวต้านที่ 690 จุด แนวรับ 660-650 จุด

.

สำหรับในวันนี้มีปัจจัยบวกคือการประกาศตัวเลขดุลการค้าเดือนพฤศจิกายน 2549 ของกระทรวงพาณิชย์ที่ออกมาเกินดุล 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกินความคาดหมายซึ่งอาจมีผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก โดยคาดว่าในปี 2550 หุ้นขนาดกลางและเล็กจะกลับมาโดดเด่นจากแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศ.