เนื้อหาวันที่ : 2006-03-17 08:35:03 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1624 views

วังขนายชี้สถานการณ์น้ำตาลหมด เมษายนนี้คลี่คลาย

สถานการณ์น้ำตาลทรายขาดแคลนและราคาแพงจะหมด พร้อมปฏิเสธการเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะจากยี่ปั๊ว เพราะถูกควบคุมเข้มงวด พร้อมเปิดตัวโฆษณาครั้งแรก

ผู้บริหารกลุ่มวังขนาย คาด เมษายนนี้สถานการณ์น้ำตาลทรายขาดแคลนและราคาแพงจะหมด พร้อมปฏิเสธการเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะจากยี่ปั๊ว เพราะถูกควบคุมเข้มงวดพร้อมเปิดตัวโฆษณาครั้งแรก สร้างจุดยืนและความแข็งแกร่ง เน้นเป็นน้ำตาลทรายเพื่อสุขภาพ ตั้งเป้าอีก 2-3 ปีข้างหน้า

 

น้ำตาลจากกลุ่มวังขนายจะเป็นระบบออแกนิกทั้งหมด พร้อมรอความชัดเจนเรื่องใบอนุญาตส่งออกเอทานอลจาก กระทรวงพลังงาน ก่อนขยายโรงเอทานอลเพิ่ม เพื่อลดความเสี่ยง นายบุญญฤทธิ์ ณ วังขนาย ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มวังขนาย กล่าวถึงสถานการณ์น้ำตาลทรายขาดแคลนและราคาน้ำตาลทรายแพงว่า ปัญหาเรื่องนี้น่าจะหมดไปภายในเดือนเมษายนนี้ แม้ว่าจะปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย 3 บาท แต่ที่ยังขาดแคลน เป็นเพราะอยู่ในระหว่างการปรับตัวกลับมาสู่ภาวะปกติซึ่งข่าวเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะจากยี่ปั๊วในราคา 2 บาทต่อกิโลกรัมนั้น กลุ่มวังขนายไม่มีแน่ เพราะกลุ่มวังขนายขายน้ำตาลทรายส่งให้กับยี่ปั๊ว 6 รายที่มีการซื้อขายกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว และการซื้อขายน้ำตาล การขึ้นงวดก็อยู่ในภาวะปกติ รวมทั้งระบบประมาณ 400,000 กระสอบต่อสัปดาห์  จึงทำให้การเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะทำได้ยาก เพราะมีหน่วยงานราชการจากทั้ง 3 กระทรวงคอยควบในเรื่องของภาษีใบขนย้าย แลใบกำกับภาษีต่าง ๆ จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีการเรียกเก็บเงิน

 

เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ทั้ง 3 สมาคมโรงงานได้หารือร่วมกันถึงข่าวที่ออกมาว่าฝ่ายโรงงานน้ำตาลกักตุนน้ำตาลคงเกิดมาจากการชี้แจงที่ไม่ชัดเจนของบรรดาโรงงาน ซึ่งต้องทำความเข้าใจให้มากกว่านี้ และเตรียมข้อมูลชี้แจงต่อนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่จะมีการประชุมในวันที่ 17 มี.ค.นี้ แต่ได้เลื่อนให้มีการชี้แจงในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคม เนื่องจากทางกลุ่มโรงงานและชาวไร่อ้อยบางส่วนต้องการรอพบนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางไปจังหวัดกาญจนบุรีในวันพรุ่งนี้ นายบุญญฤทธิ์ กล่าว

นายบุญญฤทธิ์ กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดการขาดแคลนน้ำตาลทรายในระบบเป็นเพราะราคาตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาน้ำตาลทรายในประเทศถูก จึงมีการลักลอบนำน้ำตาลทรายโควตา ก. (ที่ใช้บริโภคภายในประเทศ) ไปขายประเทศเพื่อนบ้าน และยังมีโรงงานผู้ผลิตอาหารส่งออกที่เดิมใช้โควตาน้ำตาลเพื่อการส่งออก (โควตา ค.) ประมาณ 3 แสนตันต่อปี หันมาใช้น้ำตาลทรายโควตา ก.แทน เพราะราคาถูกกว่า ซึ่งเรื่องนี้เป็นตลาดเสรีคงไม่สามารถไปดำเนินการอะไรกับโรงงานส่งออกได้

 

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ได้มีการเพิ่มโควตา ก. จาก 1.8 ล้านตัน เป็น 2 ล้านตัน ก็คาดว่าคงจะพอรองรับกับความต้องการของโรงงานเพื่อการส่งออกได้ ในขณะเดียวกันจากที่มีกระแสข่าวจะมีการปรับราคาน้ำตาลทรายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2548 เป็นต้นมา ทำให้ประชาชนเกิดความตระหนกมีการกักตุนจำนวนมาก ซึ่งในขณะนี้ทุกฝ่ายกักตุนเต็มความต้องการแล้ว ก็คาดว่าปัญหาจะคลี่คลายในเร็ว ๆ นี้

 

ทั้งนี้ กลุ่มน้ำตาลวังขนายได้เปิดตัวโฆษณา ภายใต้แนวคิดสร้างความแตกต่าง ซึ่งจะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของบริษัทฯเป็นอย่างดี พร้อมเปิดตัวน้ำตาลทรายใหม่ในกลุ่มวังขนายอีก 3 ตัว ซึ่งจะเน้นให้เป็นน้ำตาลทรายเพื่อสุขภาพ โดยตั้งเป้าให้อีก 2-3 ปีข้างหน้า น้ำตาลทรายของกลุ่มจะเป็นน้ำตาลทรายที่ปราศจากสารเคมีทั้งระบบ (ระบบออแกนิก) รวมทั้งจะมีการนำผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายเพื่อสุขภาพมาจำหน่ายมากขึ้นในตลาด

 
นอกจากนี้ ทางกลุ่มวังขนายยังมีแผนที่จะขยายโรงงานผลิตเอทานอลอีก 2 โรงงาน โดยโรงแรกมีกำลังการผลิต 2 แสนลิตรต่อวัน ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างกลุ่มวังขนายกับนักลงทุนจากญี่ปุ่น ใช้เงินลงทุน 800 ล้านบาท และอีกโรงมีกำลังผลิต 2.5 แสนลิตรต่อวัน ซึ่งทางกลุ่มวังขนายกำลังรอความชัดเจนเรื่องใบอนุญาตส่งออกเอทานอลจากกระทรวงพลังงานอยู่เนื่องจากเห็นว่าการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเพียงอย่างเดียวเป็นการเสี่ยง ส่วนการที่จะขยายการลงทุนในต่างประเทศทั้งจีนและลาวกลุ่มวังขนายอยู่ระหว่างการทบทวน