เนื้อหาวันที่ : 2006-12-20 09:02:38 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 809 views

หุ้นไทยร่วงแรงเป็นประวัติการณ์ หลัง ธปท. ใช้มาตรการสกัดเก็งกำไรค่าบาท

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยันไม่เปลี่ยนมาตรการคุมเข้มค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปล่อยให้ปรับตัวไปตามธรรมชาติ เชื่อโบรกเกอร์และนักลงทุนจะปรับตัวได้

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ยืนยันไม่เปลี่ยนมาตรการคุมเข้มค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุตลาดหุ้นปรับตัวลดลงกว่า 100 จุดเป็นไปตามคาด และต้องปล่อยให้ปรับตัวไปตามธรรมชาติ เชื่อโบรกเกอร์และนักลงทุนจะปรับตัวได้ แต่หากยกเลิกมาตรการเดิมจะทำให้เงินทุนไหลเข้าอีก

 .

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การออกมาตรการควบคุมการไหลเข้าของเงินทุนระยะสั้นจากต่างประเทศของ ธปท. เนื่องจากในช่วง  3  สัปดาห์ที่ผ่านมามีเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาเพื่อเก็งกำไรลงทุนระยะสั้นในรูปตราสารหนี้ระยะสั้นถึง 100,000  ล้านบาท และไหลเข้ามาสูงสุดถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเห็นว่าเศรษฐกิจไทยค่อนข้างดีและมีค่าพีอี/เรโชค่อนข้างต่ำ ซึ่งหากปล่อยไว้จะทำให้เกิดผลเสียต่อการลงทุนทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้ และเมื่อออกมาตรการดังกล่าวแล้วเห็นว่าได้ผลชัดเจนสามารถทำให้ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนลงและจะทำให้การส่งออกสามารถเดินหน้าต่อไป แต่ยอมรับว่า การออกมาตรการของ ธปท. ครั้งแรกไม่สามารถหยุดยั้งการแข็งค่าของเงินบาท จึงออกมาตรการที่แรงขึ้น 

 .

ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า เป็นไปตามที่คาดไว้ ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นลดลงประมาณร้อยละ 15 ซึ่งคงต้องปล่อยให้ตลาดหุ้นปรับตัวตามธรรมชาติ แม้จะลดลงกว่า 100 จุด แต่ไม่ถือเป็นระดับที่น่าห่วงมากนัก เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยค่อนข้างดีและปัญหาต่าง ๆ น่าจะคลี่คลายลง ดังนั้น ทุกอย่างจึงต้องให้ตลาดปรับตัวได้เอง เนื่องจากทั้งโบรกเกอร์และนักลงทุนน่าจะปรับตัวได้ แต่รัฐบาลจะต้องดูแลผู้ส่งออก เพราะจากการที่ตลาดปรับลดลงไปมากเมื่อถึงจุดต่ำสุดก็เริ่มมีการเข้ามาช้อนซื้อและดึงกลับไปได้ โดยยืนยันคงไม่ทบทวนมาตรการดังกล่าว เพราะจะทำให้เงินทุนไหลกลับเข้ามาเก็งกำไรจำนวนมากเหมือนเดิม

 .

นักวิเคราะห์ บล.แอ๊ดคินซัน เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวัน (20 ธ.ค.) ยังคาดการณ์ลำบาก โดยสิ่งที่ต้องติดตามคือการประชุมของ ธปท. เพื่อหาทางบรรเทาผลกระทบจากมาตรการสกัดเก็งกำไรค่าเงินบาทจะมีทางออกอย่างไร ซึ่งวันพรุ่งนี้หากบริษัทหลักทรัพย์บังคับขายหุ้น (Force Sell) ที่มีราคาปรับตัวลดลงมาก หลังจากดัชนีปรับลดลงอย่างรุนแรงจะเป็นตัวแปรฉุดให้ดัชนีโดยรวมปรับลดลงจึงแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังลงทุน โดยประเมินแนวรับของดัชนีวันพรุ่งนี้ไว้ที่ระดับ 587 จุด และแนวต้านที่ระดับ 630 จุด.

 .

น.ส.นิตยา พิบูลย์รัตนกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ธปท.จะยกเลิกการจำกัดวงเงินฝากของผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ (นอนเรสซิเดนต์) ในบัญชีเงินบาทให้ทำได้ไม่จำกัด จากเดิมกำหนดเพดานที่ 300 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความคล่องตัวมากขึ้น โดยเมื่อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สามารถนำเงินไปพักที่บัญชีดังกล่าวได้ โดยไม่ต้องนำเงินออกนออกประเทศ และไม่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การกันสำรองร้อยละ 30

 .

นางนงราม วงษ์วานิช รองผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า จากผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทย ตลท.จะมีการประชุมคณะกรรมการในวันพรุ่งนี้ เวลา 08.00 น. เพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งประมวลข้อมูลต่าง ๆ เพื่อพิจารณาว่าจะมีการนำเสนอมาตรการใดเพื่อที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวกับ ธปท.

 .

สำหรับการลงทุนในตลาดอนุพันธ์มีการเร่งปิดสถานะจำนวนมาก ทำให้มีการซื้อขายสูงถึง 8,504 สัญญา ส่วนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอไอ เดิมไม่ค่อยมีการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศมากนัก ก็ได้รับผลกระทบด้านความเชื่อมั่นทำให้ดัชนีลดลง 20.99 จุด หรือร้อยละ 10.56 ส่วนการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในวานนี้ (19 ธ.ค.) ไม่มีการซื้อขาย.