เนื้อหาวันที่ : 2006-12-19 10:12:39 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1810 views

สวทช. ดึงผู้เชี่ยวชาญเข้าพัฒนาการทำ line สีป้อนตลาดตกแต่ง

สวทช. จัดส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าพัฒนากระบวนการเคลือบสีแล็กเกอร์ สำหรับ รูปภาพต่อลายจากไม้วีเนียร์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท สยามวู้ดแลนด์ จำกัด ที่นำเศษไม้วีเนียร์เหลือทิ้งมาผลิต เป็นงานแฮนด์เมด

.

สวทช. จัดส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าพัฒนากระบวนการเคลือบสีแล็กเกอร์  สำหรับ รูปภาพต่อลายจากไม้วีเนียร์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท สยามวู้ดแลนด์ จำกัด ที่นำเศษไม้วีเนียร์เหลือทิ้งมาผลิต เป็นงานแฮนด์เมด สู่รูปแบบศิลปะการต่อลายภาพที่เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์พร้อมแนะนำเทคนิคการทำสีอย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ ไม่เป็นมลภาวะต่อคนและสิ่งแวดล้อม

.

นาย ศิริ ศิริวงศ์วัฒนา  ผู้จัดการ บริษัท สยามวู้ดแลนด์ จำกัด   ผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุตกแต่งภายใน และวัสดุที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ ภายใต้แบรนด์ SW  เปิดเผยว่า เดิมทีครอบครัวทำธุรกิจประเภทซื้อมาขายไปเกี่ยวกับวัสดุตกแต่งภายในที่นำเข้าจากหลากหลายประเทศมาก่อน   จากนั้นได้เปลี่ยนจากผู้ซื้อมาเป็นผู้ผลิต โดยในปี 2537 ได้จัดตั้งเป็นบริษัทฯ ขึ้น และได้ก่อตั้งโรงงานปิดผิวไม้วีเนียร์ โดยการแปรรูปวัตถุดิบจากไม้ท่อนเป็นไม้บาง นำมาปิดผิวสำหรับการทำงานเฟอร์นิเจอร์  แทนการนำเข้าสินค้าสำเร็จรูปแต่เพียงอย่างเดียว  ต่อมาในปี 2540 ได้ก่อตั้งโรงงานปิดผิวแผ่นพลาสติกลามิเนต หรือ แผ่น High Pressure Laminate ( HPL) ขึ้นอีกหนึ่งแห่ง

.

โดยบริษัทนำเข้าแผ่นพลาสติกลามิเนต เพื่อนำมาปิดผิวบนหน้างานผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ  และสามารถดัดโค้งตัวแผ่นลามิเนตเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้งาน และความสวยงาม  สำหรับปิดผิวบนหน้างานต่าง ๆ อาทิ  บนหน้าโต๊ะ , หน้าเค้าท์เตอร์ , หน้าบานตู้  และ ผนัง เป็นต้น ซึ่งงานดังกล่าวถือเป็นส่วนประกอบสำหรับการทำเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยให้การทำงานของช่างทำงานได้ง่ายขึ้น

..

ในระยะหลังมานี้ บ้านเราเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นกับงานออกแบบและงานตกแต่ง  จากเมื่อก่อนงานประเภทตกแต่งภายในมักจะมีรูปแบบเดิม ๆ ไม่ได้มีทางเลือกอะไรมากนัก พอมีการสนับสนุนเรื่องของการออกแบบมากขึ้น ทำให้เริ่มมีวัสดุใหม่ ๆ ออกมาเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น   ซึ่งลูกค้าหลักของบริษัทฯ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าในกลุ่มงานโครงการโรงแรม อาคารสำนักงาน หมู่บ้าน โดยผ่านมัณฑนากร นักออกแบบ ผู้รับเหมา และร้านค้าวัสดุตกแต่งภายในที่มีเพิ่มมากขึ้น

..

นายศิริ กล่าวอีกว่า แม้สถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวไปบ้างในช่วงที่ผ่านมา แต่ผลประกอบการของบริษัทฯ ก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก  ซึ่งดูได้จากยอดขายที่ผ่านมาของบริษัทฯ เรียกได้ว่า ทรงตัว  และเมื่อเทียบยอดขายของปี 2549 กับปี 2548 ก็ไม่ค่อยแตกต่างกัน แต่ถ้าเทียบยอดขายระหว่างปีที่แล้วกับปีก่อนหน้านั้น จะเห็นว่ามีแนวโน้มที่เติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  ซึ่งอาจเป็นเพราะบริษัทมีการเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ออกมาให้ลูกค้าเลือกมากขึ้น

..

ทั้งนี้ แนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทนั้น นายศิริ เล่าว่า  เกิดขึ้นหลังจากที่ได้เข้าร่วมกับโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย(iTAP) ภายใต้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี  สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการเดินทางไปเสาะหาเทคโนโลยีในต่างประเทศเมื่อปี 2547 โดยในครั้งนั้นได้ไปเยี่ยมชมดูงานการผลิต ตั้งแต่ขั้นตอนการแปรรูปไม้ ไปจนถึงการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ ที่ประเทศจีน และไต้หวัน ทำให้บริษัทฯ ได้เปิดหูเปิดตาเปิดมุมมองที่กว้างขึ้น  ได้รู้สถานการณ์และแนวโน้มในด้านรูปแบบผลิตภัณฑ์  กระบวนการผลิต และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญยังได้พันธมิตรซึ่งเป็นผู้ประกอบการในวงการเดียวกันกลับมาด้วย   ซึ่งหลังจากการไปดูงานครั้งนั้น บริษัทฯได้นำกลับมาวางแผนสำหรับการก้าวเดินต่อไปของบริษัทในอนาคตว่าจะไปทางไหน

..

จากนั้นในปี 2548 บริษัทจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ขึ้นมา เรียกว่า  รูปภาพต่อลาย หรือ ผลิตภัณฑ์ต่อลายจากไม้วีเนียร์   โดยการนำเศษไม้วีเนียร์ที่เหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตงานปิดผิว  มาตัด และต่อเป็นรูปภาพ  ซึ่งเป็นลักษณะของงานศิลปะอย่างหนึ่ง ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศษไม้เหลือทิ้งได้   ดังนั้น  ทางบริษัทฯ ต้องพัฒนาห้องพ่นสีที่ได้มาตรฐานจึงได้เข้ารับการสนับสนุนจากโครงการ iTAP (สวทช.) ในการจัดส่งผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชาวนผลิตภัณฑ์ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำและออกแบบห้องพ่นสีภายใต้ชื่อ โครงการการพัฒนาการทำ line สี  สำหรับทำงานเคลือบผิวหน้าไม้ดังกล่าว

..

เนื่องจากการทำรูปภาพต่อลายจะต้องมีการเคลือบผิวหน้า จำเป็นต้องมีห้องเฉพาะเพื่อป้องกันฝุ่นละออง และควบคุมอุณหภูมิความชื้นของห้องให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้การผลิตงานออกมาได้คุณภาพไม่เกิดปัญหาเรื่องของฟองอากาศ และฝุ่นละอองจับ   จึงได้ปรับปรุงและพัฒนาห้องพ่นสีจากแผนกทำสีที่มีอยู่เดิมมาเป็นการวางระบบการทำ line สีที่เหมาะสม  จากเดิมที่มีลักษณะเปิดโล่งมาเป็นระบบปิด และมีระบบควบคุมคุณภาพที่ได้มาตรฐาน 

..

โดยทางผู้เชี่ยวชาญได้ออกแบบม่านกั้นเพื่อป้องกันฝุ่นละอองจากภายนอก ขณะเดียวกันยังได้พัฒนาบู้ทม่านน้ำ เพื่อดูดสารระเหยที่เกิดจากละอองสีเข้าไปเกาะอยู่ที่ตัวน้ำ และใช้น้ำชะล้างสารเคมีเข้าไปบำบัดในถังบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยออกและนำกลับมาใช้ใหม่  และติดตั้งพัดลมขนาดใหญ่ 4 ตัว เป่าลมเข้าไปภายในห้องจากบนเพดาน เพื่อให้ฝุ่นถูกกดลงไปด้านล่าง และไม่ฟุ้งลอยขึ้นมาเกาะชิ้นงานได้ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ไม่เป็นมลภาวะต่อผู้ปฏิบัติงาน และสิ่งแวดล้อม   ส่งผลให้การทำสีมีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังได้แนะนำเทคนิคการทำสีที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับบุคลากรของบริษัทอีกด้วย

..

ปัจจุบันบริษัทฯ สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ต่อลายที่สวยงาม และได้คุณภาพเป็นที่น่าพอใจ อาทิ  ภาพต่อลายวัดพระแก้ว ,  ภาพต่อลายวัดอรุณฯ , ภาพต่อลายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ , ภาพต่อลายสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ฯลฯ  ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยบริษัทได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาช่วยวางแผนด้านการตลาด และได้เข้าร่วมในโครงการ OTOP เพื่อให้เป็นช่องทางการตลาดอีกช่องทางหนึ่ง  นอกจากนี้ยังได้ขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์มากขึ้น และตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีเพียงเวียดนาม , ปากีสถาน และพม่า ซึ่งยังมีสัดส่วนน้อยมากไม่ถึง 1% คาดว่า จะสามารถขยายตลาดส่งออกได้อย่างเร็วภายในปี 2550  นี้  หรือ อย่างช้าในอีก 2 ปีข้างหน้า

..

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2550 ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 350 ล้านบาท แบ่งออกเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม้วีเนียร์ , กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิดผิวแผ่นพลาสติกลามิเนต และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อลาย ซึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อลายหรือรูปภาพต่อลายจากไม้วีเนียร์นี้ ได้ตั้งยอดขายไว้เพียง 1 ล้านบาท เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ และมีข้อจำกัดในการผลิตเนื่องจากเป็นงานแฮนด์เมด 100% ประกอบกับเป็นงานที่มีความหลากหลายของรูปแบบ มีรายละเอียดความยากง่ายของภาพที่ทำให้เกิดมิติ จึงต้องใช้ระยะเวลา ในส่วนของผลประกอบการที่ผ่านมา  บริษัทฯ มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท โดย 50 %ของยอดขายทั้งหมดมาจากผลิตภัณฑ์กลุ่มไม้วีเนียร์

..

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมีแนวคิดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีก  รวมถึงการพัฒนาเรื่องของคุณภาพ เพื่อลดต้นทุนการผลิตของบริษัท  ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำระบบคุณภาพพื้นฐานของไทย  หรือ  Thai Foundation Quality System : TFQS  กับทางโครงการ iTAP (สวทช.)   เชื่อว่า หลังดำเนินการจัดทำระบบคุณภาพดังกล่าวแล้วเสร็จ จะทำให้บริษัทฯ มีมาตรฐานในการรักษาคุณภาพการผลิตผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น ทั้งการผลิตและการส่งมอบสินค้า

..

สำหรับผลิตภัณฑ์ต่อลาย หรือ ภาพต่อลายจากไม้วีเนียร์นั้น ราคาขึ้นอยู่ที่ความยากง่าย และรายละเอียดของภาพ สนนราคาตั้งแต่หลักร้อย ถึงหลักหมื่นบาท ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท สยามวู้ดแลนด์ จำกัด โทร. 0-2987-9020-30 หรือที่เว็บไซต์ของบริษัทฯ www.siamwoodland.com

..

ส่วนผู้ประกอบการที่สนใจเข้ารับการสนับสนุนในโครงการ ITAP สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร0-2564-8000   หรือ   www.nstda.or.th/itap