เนื้อหาวันที่ : 2009-10-15 12:30:35 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1156 views

"เสี่ยปั้น" สุดทนออกโรงจี้รัฐแก้ปัญหามาบตาพุด

นายแบงก์สะกิดต่อมรัฐบาล ควรหันหน้าเข้าหากันแก้วิกฤติมาบตาพุด-ปัญหาชาติ ระบุ ความขัดแย้งมีแต่เสียหาย แนะถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือรัฐบาล ด้าน ส.อ.ท.หนุนรัฐแก้ กม.สิ่งแวดล้อม

นายแบงก์สะกิดต่อมรัฐบาล ควรหันหน้าเข้าหากันแก้วิกฤติมาบตาพุด-ปัญหาชาติ ระบุ ความขัดแย้งมีแต่เสียหาย แนะถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือรัฐบาล ด้าน ส.อ.ท.หนุนรัฐแก้ กม.สิ่งแวดล้อม โดยมีสาระเหมือนรัฐธรรมนูญ มาตรา 67

.

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย

 .

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัญหาการระงับดำเนินกิจการของ 76 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นปัญหาที่เมื่อพูดไปแล้วก็เหมือนเป็นการทะเลาะกัน เพราะต่างฝ่ายต่างคิดแต่เรื่องแพ้หรือชนะ ไม่นำโจทย์ที่ต้องการแก้ไขมาหันหน้าเข้าหากันเพื่อคุยกัน และแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพราะโจทย์ที่ต้องการแก้เป็นปัญหาของทุกคน เนื่องจากถ้าไม่มีการลงทุนเศรษฐกิจในประเทศก็จะไม่มีการพัฒนา ขณะที่ประเด็นความเป็นอยู่ของประชาชนก็เป็นสิ่งสำคัญ

 .

"ทุกฝ่ายจะต้องคิดในแง่ของสังคมไทย ประเทศไทย ไม่ใช่พูดกันแบบจิตที่เป็นปรปักษ์และมีแต่เรื่องฟ้องร้อง เพราะจะไม่มีใครชนะและมีแต่เสียหายด้วยกันทั้งหมด ฝ่ายฟ้องศาลจะชนะก็แค่ทำให้โครงการชะลอลงได้ ก็แค่ชนะในตอนนั้น แต่ประเทศไทยไม่ชนะด้วย มีแต่แพ้กับแพ้ เพราะยังหาทางออกของปัญหาไม่ได้ ทำไมไม่มีใครพูดถึงการหาทางออกร่วมกัน  

 .

ซึ่งรัฐบาลควรใช้โจทย์นี้เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเอง และมองแก่นของปัญหาไม่ใช่แค่ประเด็นเศรษฐกิจ หรือแค่ประเด็นของสิ่งแวดล้อม แต่ควรพูดให้เกิดความร่วมมือและสร้างสรรค์ ปัญหาแค่นี้ถ้าแก้ไขไม่ได้ก็แพ้กันหมด แต่ปัญหาคือไทยจะพัฒนาอย่างไร เศรษฐกิจถึงจะเติบโตไปพร้อมๆ กับสภาพความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ในสภาพแวดล้อมที่ดี"

 .

ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งใครขึ้นมาเป็นคนกลางในการแก้ปัญหา เพราะทุกคนคือคนกลางร่วมกัน และมองโจทย์ที่ประเทศไทยเป็นสำคัญ เพราะถึงแม้จะมีการแต่งตั้งใครคนใดคนหนึ่งของแต่ละฝ่ายเพื่อมาดูแลโดยตรง แต่ต่างคนต่างก็หาเหตุผลเพื่อมาสนับสนุนความคิดของตัวเองทั้งคู่ ฟันธงปัญหาที่ขัดแย้งกันก็มีแต่ความเสียหาย และสุดท้ายก็บาดหมางกันอยู่ดี อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องมาบตาพุดมองว่ามีอัตราในการแก้ปัญหาที่มีกระบวนการอยู่แล้ว คือความอยู่รอดของประเทศไทย

 .

"ด้านการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่พูดว่าจะโตได้ถึง 0.4% เป็นใครก็พูดได้ แต่ทำยาก เพราะไทยยังติดอยู่ที่เดิม ตอนจบจะเป็นอย่างไรต้องหาทางออก อย่าตั้งจิตเป็นปฏิปักษ์แต่แรก มันต้องมีทางออก ไม่อย่างนั้นคนก็ฆ่าตัวตายกันหมด ส่วนปัญหาทุจริตเป็นโจทย์ที่ทุกรัฐบาลจะต้องพิสูจน์ตัวเองต่อคนเสียภาษี จะทำอย่างไรถึงจะทำจริงจังเสียที

 .

เพราะทุกวันนี้ตอบกันไม่ได้เลยว่าจริงจังแล้วหรือยัง มองยังไม่เห็นภาพ ไม่ใช่แค่การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกลิ่นเหม็น กลบเกลื่อน แต่รัฐบาลต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ให้ประชาชนฝากผีฝากไข้ได้"

 .

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. เห็นด้วยกับการที่คณะรัฐมนตรี อนุมัติร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ..... เพราะเนื้อหาครอบคลุมตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 ที่กำหนดไว้ ซึ่ง ส.อ.ท.ต้องการให้เร่งนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม คาดว่า ร่างแก้ไขพระราชบัญญัติฉบับนี้ จะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.ปีหน้า

.

นายสันติ กล่าวว่า ในระหว่างที่รอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ..... เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อไม่ให้เกิดภาวะสุญญากาศ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ 3 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุข ไปยกร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

.

ที่มีข้อกำหนดในการดูแลทั้งที่เกี่ยวกับการจัดทำผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และการจัดทำผลกระทบทางด้านสุขภาพ (HIA) ให้แล้วเสร็จภายใน 3 สัปดาห์นั้น ทาง ส.อ.ท.ต้องการให้มีเนื้อหาสาระของกฎหมายเช่นเดียวกันกับที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 ไปด้วย เพื่อไม่ให้ถูกมองว่า รัฐเข้าข้างภาคอุตสาหกรรม และภาคเอกชนที่ตั้งโรงงาน

.

ส่วนการพิจารณาของศาลปกครองที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ยื่นให้ระงับ 76 โครงการลงทุนในมาบตาพุด ซึ่งทางการได้ยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว ส่วนการที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน รวมถึงสภาทนายความ จะยื่นคัดค้านคำอุทธรณ์ต่อศาลปกครองนั้น เห็นว่า เป็นสิทธิที่สามารถดำเนินการได้

.

อย่างไรก็ตาม ทางภาคอุตสาหกรรมจะรอคำพิพากษาของศาล และน้อมรับปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะถึงอย่างไรแล้วภาคอุตสาหกรรมทั้งประเทศ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรค 2 อยู่แล้ว

.
ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง