เนื้อหาวันที่ : 2006-12-12 14:00:13 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 6740 views

Bruel & Kjaer PULSE VERSION 11 กับการวัดและทดสอบ Sound & Vibration ในอุตสาหกรรม

แนวโน้มของสถานการณ์ในอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าระยะหลังมานี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ซึ่งนำมาสู่การปรับขั้นตอนการผลิตเพื่อให้สามารถแข่งขันได้

แนวโน้มของสถานการณ์ในอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าระยะหลังมานี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ซึ่งนำมาสู่การปรับขั้นตอนการผลิตเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ เริ่มจากการร่วมกิจการหรือร่วมเป็นพันธมิตรกันเพื่อการลดต้นทุนการผลิต ลดระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ ๆ การใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในขั้นตอนการออกแบบและทดสอบ ฯลฯ จนอาจกล่าวได้ว่าปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของโรงงานอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกวันนี้อยู่ที่การเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างรวดเร็ว มีจุดขายที่เด่นชัดเจาะจงกลุ่มลูกค้าที่เล็กลงโดยการเพิ่มรุ่นให้หลากหลาย และลดต้นทุนการออกแบบ-ผลิต

.

.

คุณลักษณะหนึ่งของสินค้าที่มีมาตรฐานควบคุมอยู่ทั้งมาตรฐานความปลอดภัยและมลพิษ  และสามารถพัฒนาให้เป็นจุดเด่นหรือจุดขายได้ ก็คือ คุณลักษณะด้านเสียงและความสั่นสะเทือนนั่นเอง เมื่อมองในด้านมาตรฐานความปลอดภัยก็จะมีหัวข้อทดสอบมากมายที่เกี่ยวข้อง เช่น เสียงรบกวนขณะใช้งาน หรือการทดสอบการทนต่อการสะเทือนของตัวเครื่อง

.

หากมองการทดสอบ S&V ในด้านจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ เช่น ความเงียบในขณะใช้งาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผู้ออกแบบจะกำหนดให้ตรงกับรสนิยมของกลุ่มลูกค้า สำหรับสินค้าแต่ละรุ่นและรวบรวมการทดสอบ S&V เข้าไว้ใน LAB R&D ทั้งก่อนการสร้างต้นแบบ (Simulation) และการควบคุมคุณภาพเมื่อมีการผลิต (Bench Marking)

.

ในฐานะที่ Bruel & Kjaer เป็นผู้นำทางด้านการวัด S&V มากว่า 60 ปี จึงได้ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรม โดยได้ปรับปรุง PULSE เวอร์ชั่น 11 ขึ้นให้เพิ่มขีดความสามารถในการวัดและทดสอบ S&V ใหม่ ๆ ไว้มากมายดังนี้

.
เทคโนโลยี Req-X

ปกติเครื่องวัดจะมีการตอบสนองความถี่เป็นเชิงเส้นในช่วงความถี่ที่ออกแบบไว้ใช้งาน เมื่อนำมาต่อกับหัววัด เช่น ไมโครโฟน หรือ Accelerometer เพื่อวัดผลิตภัณฑ์ ผลลัพธ์จะขึ้นกับการตอบสนองความถี่ของหัววัดตัวนั้น ๆ ซึ่งจะเห็นว่า ผลการวัดถูกจำกัดด้วยความไม่เป็นเชิงเส้นของหัววัด

.

Bruel & Kjaer ได้ใช้เทคนิคใหม่นี้ใน PULSE V11 โดยเพิ่มอัตราการตอบสนองความถี่ของเครื่องวัดแชนแนลนั้น ๆ เป็นส่วนกลับของการตอบสนองความถี่ของหัววัดในขณะวัดแบบ Real Time โดยผู้ใช้เพียงแต่ใส่ข้อมูลการตอบสนองความถี่ของแต่ละหัววัดลงใน Transducer Database หรือไม่ต้องทำอะไรเลยถ้าหากหัววัดนั้นเป็นแบบ TEDS ผลที่ได้รับคือ การวัดที่แม่นยำมากขึ้น ย่านความถี่ของการวัดเพิ่มกว้างขึ้น และหัววัดตัวเดิมสามารถใช้งานได้มากขึ้น ดังรูปที่ 10

.

ยิ่งกว่านั้น Req-X เมื่อใช้กับไมโครโฟนที่ให้ข้อมูลการตอบสนองความถี่ของ Free Field, Pressure Field, Random Field มาด้วย ก็จะทำให้เราใช้ไมโครโฟนตัวเดียวกันนั้นกับทั้ง 3 สนามเสียงได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน และเมื่อนำไปใช้กับ Accelerometer ก็จะทำให้ย่านความถี่ในการวัดของ Accelerometer ตัวนั้นเพิ่มขึ้น (ด้านความถี่สูง) อีกประมาณ 50% ทีเดียว

.

รูปที่ 1 แสดงการแก้ Frequency Response ด้วย Req-X

.
เทคโนโลยี Dyn-X

ทุกวันนี้เครื่องวิเคราะห์ความถี่ย่านเสียงแทบทุกยี่ห้อจะใช้ตัวแปลงอะนาลอกเป็นดิจิตอลที่มีความละเอียดด้านแรงดัน ขนาด 24 บิต ซึ่งสามารถแยกขนาดของแรงดันได้ 16.7 ล้านขึ้น จาก 0 โวลต์ ถึงค่าเต็มสเกล หรือพูดได้อีกอย่าง หนึ่ง ว่า หากค่าเต็มสเกลตั้งไว้ที่ 10 โวลต์ ก็จะสามารถแยกความละเอียดเล็กที่สุดได้จนถึงย่าน 0.1 ไมโครโวลต์เลยทีเดียว นั่นคือความละเอียดที่มากมายเกินพอที่จะใช้วัดสัญญาณขนาดเล็กถึงใหญ่ได้อย่างสบาย โดยคิดเป็น Dynamic Range ได้ถึง 160 เดซิเบล

.

แต่ในการใช้งานจริงเราพบว่า ผลการแปลงเป็นดิจิตอลของสัญญาณนั้นมีสิ่งไม่พึงปรารถนาอยู่ในผลลัพธ์หรือข้อมูลดิจิตอลที่ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีสิ่งแปลกปลอมดังกล่าวเข้ามาที่อินพุต สิ่งแปลกปลอมนี้เรียกว่าสัญญาณรบกวนหรือ Noise เกิดจากสาเหตุต่อไปนี้

.

- ความเพี้ยนทางฮาร์มอนิกของตัวแปลงอะนาลอก

- การรบกวนข้ามช่องสัญญาณ

- สัญญาณรบกวนที่เกิดจากอุณหภูมิรวมกับสัญญาณรบกวนตามธรรมชาติ

- ความไม่เป็นเชิงเส้นของตัวแปลงอะนาลอก

- ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดจากความถี่ของสัญญาณอินพุตสูงกว่า 1/2 ของความถี่สุ่ม

- ฯลฯ

.
จากสาเหตุข้างต้นเราพบว่า Dynamic Range ของตัวแปลงอนาลอกขนาด 24 บิตอยู่ในช่วง 120-130 dB เท่านั้น
.

Bruel & Kjaer ได้ออกแบบตัวแปลงใหม่โดยใช้เทคนิคดังรูปที่ 2 คือใช้ตัวแปลงอะนาลอก 2 ตัว ที่คัดเลือกมาว่าคุณสมบัติต่าง ๆ ใกล้เคียงกัน (Gain, Phase และ Offset) มาแปลงสัญญาณเดียวกัน จากนั่นนำผลการแปลงมารวมกันด้วย DSP ผลที่ได้คือ สัญญาณรบกวนที่ผลลัพธ์ถูกกดต่ำลงกว่าปกติอีก 30-40dB ทำให้ Dynamic Range เพิ่มขึ้นเป็น 160dB ส่งผลให้เครื่องวัดดังกล่าวมีย่านการวัดเดียวคือ Full Scale 10 V และแสดงผลค่าของสัญญาณต่ำ ๆ ได้ต่ำสุดถึง 100 NanoVolt นั่นคือไม่ว่าจะวัดเสียงหรือความสั่นสะเทือนจากเบาสุดไปจนถึงแรงสุดก็ปราศจากความผิดพลาดที่เรียกว่า OVERLOAD ทางอินพุตโดยสิ้นเชิง

รูปที่ 2 เทคนิคการใช้ตัวแปลงอะนาลอก 2 ตัว

 

รูปที่ 3 วัดเสียงจากเบาสุดไปจนถึงแรงสุด

รูปที่ 4 ปราศจากความผิดพลาด Overload

ในงาน NVH แล้ว ข้อดีข้อนี้ทำให้การทดสอบใด ๆ ก็ตาม ไม่ต้องตั้งย่านการวัดหรือทำ Autorange ใด ๆ ทั้งสิ้น ผลการวัดที่ได้จะใช้ได้เสมอ (หากไม่เกิด Overload ขึ้นที่ทรานสดิวเซอร์เสียก่อน) ดังแสดงในรูปที่ 3 และ 4

.

Source Path Contribution  

จากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดยานยนต์ปัจจุบันนี้ต้องการการประเมิน NVH ที่ผู้โดยสารจะได้รับอย่างแม่นยำและรวดเร็ว ตลาดคาดหวังว่าวิศวกรยานยนต์จะตรวจสอบ NVH ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและ Simulate Source Path Contribution เป็นระบบบริหารฐานข้อมูลของผลการทดสอบ NVH ยานยนต์ที่จะช่วยให้การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบ วัตถุดิบของรถยนต์รุ่นต่าง ๆ เพื่อปรับปรุง NVH ถูกต้องแม่นยำขึ้นและช่วยให้การประเมินรายละเอียดของทางเลือกแต่ละทางว่าจะส่งผลในแง่ NVH ไปในทางใด

.

Source Path Contribution เป็นซอฟต์แวร์ช่วยจัดการฐานข้อมูลผลการทดลองด้านเสียงและความสั่นสะเทือนของโครงสร้างรถยนต์ทั้งคันโดยจำแนกส่วนประกอบแต่ละชิ้นของยานยนต์ว่าส่วนใดเป็นแหล่งกำเนิด NVH ส่วนใดเป็นเส้นทางเดินของ NVH และตำแหน่งใดเป็นจุดที่ต้องการทราบผลรวมของ NVH ดังแสดงในรูปที่ 4 โดยซอฟต์แวร์จะช่วยจัดการเรื่องการทดลองต่าง ๆ เพื่อเก็บเป็นข้อมูลของรถยนต์รุ่นนั้น ๆ ไว้ เช่น แรงกระทำที่จุดยึดเครื่องยนต์ของเครื่องรุ่นนั้น ๆ ที่รอบเครื่องต่าง ๆ, Transfer Function ของยางแท่นเครื่องรุ่นต่าง ๆ, ความสั่นสะเทือนของเบาะด้านคนขับ ฯลฯ เมื่อต้องการลดความสั่นสะเทือนของรถรุ่นนี้ที่เบาะคนขับ สามารถดึงเอาข้อมูลเหล่านี้มาให้ซอฟต์แวร์แสดงผลตอบสนองทางความถี่ของเบาะนั่งคนขับเมื่อเปลี่ยนยางแท่นเครื่องเป็นรุ่นอื่นเป็นต้นจะเห็นว่า  สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ที่ได้กับการเปลี่ยนแปลงที่คิดจะทำโดยที่ไม่ต้องลงมือทำจริงกับรถยนต์ จึงประหยัดเวลาและต้นทุนในการลองผิดลองถูกลงได้มาก

.

รูปที่ 5 Source Path Contribution เป็นซอฟต์แวร์ช่วยจัดการฐานข้อมูลผลการทดลองด้านเสียงและความสั่นสะเทือนของโครงสร้างรถยนต์ทั้งคัน

.
Automotive Test Manager 

สืบเนื่องจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ทดสอบ NVH ให้ใช้งานง่ายสำหรับการทดสอบเพื่อควบคุมคุณภาพให้กับ TOYOTA ประเทศญี่ปุ่นในชื่อ NAVLAS และการพัฒนาฐานข้อมูลผลการทดสอบ NVH ให้กับ General Motors และ MAZDA ทำให้ Bruel & Kjaer พบว่าการวัด NVH ในงาน QC ของทุกโรงงานมีความคล้ายกัน จึงพัฒนาต่อยอดจากระบบดังกล่าวมาเป็น Automotive Test Manager

.

ATM เป็นซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลที่ใช้ Microsoft SQL เป็น Engine โดยจัดการเก็บบันทึกและค้นหาข้อมูลชนิด Metadata ที่อยู่ใน Project ของ PULSE ช่วยให้ผู้ใช้สามารถออกเอกสารรายงานด้วย WORD, EXCEL ได้กราฟที่เลื่อนเคอร์เซอร์ได้, ดึงผลการวัดในฐานข้อมูลต่าง ๆ มาเปรียบเทียบ ฯลฯ ได้ง่ายดาย อีกทั้งยังสนับสนุนระบบเครือข่ายและการสำรองข้อมูลที่แผนก IT ของโรงงานสามารถเข้าไปดูแลได้โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านซอฟต์แวร์ NVH ของ PULSE

.
Pass by Testing

 ปัญหามลพิษทางเสียงที่เกิดจากรถยนต์เพิ่มจำนวนมากขึ้นในเขตเมืองใหญ่ ๆ เป็นปัญหาที่รุนแรงขึ้นทุกวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในเขตยุโรป องค์กร ISO ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับวัดเสียงแบบเร่งเครื่องขณะวิ่งให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปใช้ในชื่อ ISO 362 ซึ่งมาตรฐานนี้มีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างยุ่งยากที่ผู้ผลิตรถยนต์จะปฏิบัติตามได้อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีการกำหนดค่าความดังเสียงสูงสุดที่ได้จากการทดสอบนี้ให้ต่ำลงทุกปีแล้วก็ยังพบว่าเสียงรบกวนจากการจราจรไม่ได้ลดลงตามแผน ISO จึงได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาและปรับปรุงมาตรฐาน ISO 362: 1998 ให้มีวิธีทดสอบที่สอดคล้องกับผลการวัดเสียงจากการจราจรและพฤติกรรมการขับรถในเมืองหลวงมากขึ้น

.

รูปที่ 6 วิธีทดสอบตามมาตรฐาน ISO362:1998

.

มาตรฐาน ISO 362 ใหม่ที่จะนำออกใช้เร็ว ๆ นี้ จะปรับเปลี่ยนวิธีการทดสอบจากเดิมขับรถเข้าเส้นเริ่มต้นที่ความเร็ว 50 กม./ชม. แล้วเร่งเครื่องยนต์เต็มที่จนผ่านไมโครโฟนและถอนคันเร่งเมื่อพ้นจุดสิ้นสุด เปลี่ยนเป็นขับให้ความเร็วขณะผ่านไมโครโฟนเป็น 50 กม./ชม. ซึ่งยากกว่า แต่หากมีซอฟต์แวร์ช่วยคำนวณความเร็วเริ่มต้นให้เหมาะกับค่า แรงม้า/น้ำหนัก ของรถยนต์แล้วก็จะทำให้การทดสอบ Pass by ง่ายขึ้นมาก หรืออาจพูดได้ว่า เมื่อมาตรฐาน ISO 362 ฉบับใหม่ถู กบ ังคับใช้จากประเทศผู้นำเข้ารถยนต์ การขับทดสอบเสียงตามมาตรฐานนี้จะไม่สามารถทำได้โดยปราศจากซอฟต์แวร์ช่วยกำหนดและควบคุมสถานะของรถยนต์

.

Bruel & Kjaer เป็นบริษัทหนึ่งที่เข้าร่วมในคณะทำงานปรับปรุงมาตรฐาน ISO 362 และได้ปรับปรุงซอฟต์แวร์ Pass by ให้เป็นไปตามมาตรฐานใหม่อยู่เสมอ จึงรับประกันได้ว่าลูกค้าใช้งานระบบที่ปรับปรุงตามสมัยอยู่เสมอ

.
Time Data Recorder

ในการวัด NVH ภาคสนามหรือในห้องทดลอง บางครั้งเราต้องการข้อมูลดิบเก็บไว้อ้างอิงในภายหลังในหลาย ๆ เหตุผล เช่น

                - เปรียบเทียบสินค้า รุ่นก่อนและหลัง โดยไม่ต้องเก็บสินค้านั้นไว้ทั้งตัว

                 - ส่งข้อมูลดิบไปเปรียบเทียบต่างประเทศทางอินเตอร์เน็ต

- ต้องขับรถทดสอบคนเดียว อยากจะบันทึกข้อมูลไว้ก่อนแล้วค่อยวิเคราะห์ภายหลัง (ดังรูปที่ 7)

- ทดสอบได้ครั้งเดียว เช่น CRASH TEST

- ฯลฯ

.

.

รูปที่ 7 การบันทึกข้อมูลไว้ก่อนแล้วค่อยวิเคราะห์ภายหลัง

.

สำหรับ NVH Engineer ที่มีเครื่องวิเคราะห์อยู่แล้ว อาจไม่อยากซื้อเครื่อง DAT Tape Recorder ให้ยุ่งยาก Pulse จึงมีซอฟต์แวร์ช่วยบันทึกข้อมูล NVH จากหัววัดตรงสู่ฮาร์ดดิสก์ใน PC หรือโน้ตบุ๊กโดยบันทึกได้ยาวนานเท่าขนาดของพื้นที่ว่างในดิสก์นั้น ๆ ซึ่งในปัจจุบันถือว่าความจุข้อมูลของฮาร์ดดิสก์ต่อราคาแล้วถูกมากถูกกว่าตลับเทปเปล่าของ DAT เสียอีก อีกทั้งยัง Backup ลง CD-R เพื่อบริหารที่ว่างในฮาร์ดดิสก์ได้สะดวกและราคาถูกอย่างยิ่ง

.

Pulse Time Data Recorder บันทึกข้อมูลลงเป็นไฟล์สกุล .PTI สามารถวิเคราะห์ความถี่ได้ภายหลังด้วย Pulse ซอฟต์แวร์ และสนับสนุนการ Export Data ไปเป็น .WAV, .UFF และ .HDR (ของ TEAC) ได้ และสามารถ Resampling ได้ตามต้องการ

.

Autotracking

Autotracking เป็นความสามารถใหม่ในซอฟต์แวร์ของ Pulse ทำหน้าที่สังเคราะห์สัญญาณ RPM ออกมาจากสัญญาณเสียงหรือความสั่นสะเทือนที่ได้จากหัววัดในแชนแนลปกติ โดยใช้หลักการคำนวณทางสถิติร่วมกับการวิเคราะห์ฮาร์มอนิกในสเปกตรัมความถี่ของสัญญาณดังกล่าว เอาต์พุตจาก Auto Tracker จะนำไปเป็นอินพุต ของ Analyzer ตัวอื่นที่เกี่ยวข้องกับการวัด PRM เช่น Order Analyzer ดังรูปที่ 8 เพื่อให้การใช้งานง่ายขึ้นเนื่องจาก

.

- ไม่ต้องใช้สัญญาณ Tacho จริง จึงง่ายต่อการติดตั้งและวัดค่า

- สะดวกเมื่อต้องวัด Order ในเครื่องยนต์ที่อยู่ในรถ และไม่มีสัญญาณ Tacho ให้ใช้

- เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานและรวดเร็ว

 

.

รูปที่ 8 Autotracking ความสามารถใหม่ในซอฟต์แวร์ของ PULSE

.

ใน Pulse 10 เป็นต้นไป ได้แถม Auto Tracking เป็นของฟรีสำหรับผู้ซื้อ Order Analyzer สำหรับในส่วนที่ไม่ใช่ Pulse Platform สำหรับตลาด NVH ก็คือ HVH Simulators

.

NVH Simulators เป็นระบบที่พัฒนาโดย Bruel & Kjaer กับ NoViSim ผู้เชี่ยวชาญด้าน NVH Simulator โดยระบบจะเป็นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทำงานร่วมกันกับลำโพงและ Vibration Shaker เพื่อสร้างเสียงและแรงสั่นสะเทือนของตัวรถอย่างสมจริง

.

NVH Simulators มีลักษณะเป็น Simulation System ในด้าน Sound Quality ทำงานบน PC และจอ Projector กับชุดควบคุมจำลองคล้ายเล่นเกมรถแข่ง (ดังรูปที่ 9) สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือ ลำโพง หรือเฮดโฟน ส่งเสียงจำลองเสียงในห้องโดยสารตามสถานะของการจำลองตามที่สั่งการผ่านซอฟต์แวร์ เช่นเปลี่ยนเครื่องยนต์รุ่น หนึ่ง ไปสู่อีกรุ่น หนึ่ง , เปลี่ยนชนิดและความหนาของพรมปูพื้น ฯลฯ ตามแต่จะจำลองขึ้นโดยอาศัย Transfer function ของส่วนต่าง ๆ ที่คำนวณเป็นผลรวม ทำให้ผู้ออกแบบรถยนต์สามารถฟังเสียงผลที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของรถยนต์ก่อนการเปลี่ยนจริง เพื่อให้ผู้ฟังที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของรถยนต์รุ่นนั้น ๆ สามารถฟังและให้คะแนนได้ว่าชอบหรือไม่ชอบน้ำเสียงที่เกิดขึ้น

.

รูปที่ 9 NVH Simulator เป็น Simulation System ในด้าน Sound Quality

.

Surface Microphones เป็นการออกแบบรถยนต์ตามหลักอากาศพลศาสตร์ปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะให้ผลลัพธ์สองประการคือ รูปทรงที่สวยงามน่าใช้และการประหยัดพลังงานขณะขับเคลื่อน ปัญหา หนึ่ง ที่เป็นที่หนักใจสำหรับผู้ที่ต้องวัด Pressure Fluctuation ณ ตำแหน่งต่าง ๆ ของรถยนต์จริงขณะทดสอบในอุโมงค์ลม เนื่องจากไมโครโฟนโดยปกติทั่วไปมีลักษณะเป็นแท่งซึ่งไม่สะดวกในการติดตั้งให้แผ่นไดอะแฟรมราบไปกับพื้นผิวของตัวถังรถยนต์

.

เทคโนโลยีไมโครโฟนแบนเมื่อแรกผลิตนั้น  ใช้สำหรับการทดสอบเครื่องบิน จากนั้นพัฒนาเพื่อให้ถูกลงและใช้งานง่าย เราจึงสามารถใช้ไมโครโฟนดังกล่าวได้กับงานหลากหลาย ดังรูปที่ 10

.

รูปที่ 10 a. วัดเสียงในห้องโดยสาร ติดตั้งไมค์บนแผงหน้าปัด

b. ติดที่ประตูด้านนอก

c. วัดเสียงในห้องเครื่องยนต์ โดยติดกับชิ้นส่วนที่ไม่ร้อนมากนัก

d. ติดที่กระจกหน้าต่าง

.

การวัดเสียงรบกวนของผลิตภัณฑ์แบบ Sound Power

ประเทศที่มีกฎหมายควบคุมมลพิษทางเสียงสำหรับสินค้านำเข้า ได้เปลี่ยนวิธีวัดเสียงรบกวนจากเดิมที่เป็น Sound Pressure Level มาเป็น Sound Power Level กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ผู้ผลิตต้องรับภาระเพิ่มขึ้น เนื่องจากการวัดเสียงแบบ Sound Power ต้องใช้ต้นทุนเพิ่มขึ้นและเวลาที่ใช้วัดเพิ่มขึ้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทำอย่างไรจึงจะวัดงานให้ทันกับกำลังการผลิต และวิธีการไม่ยุ่งยากซับซ้อน

.

PULSE มี Application Software สำหรับการวัด Sound Power ที่ใช้ง่ายและให้ผลรวดเร็วให้เลือกใช้หลายระดับที่เหมาะกับงบประมาณ และปริมาณการวัดต่อวัน และรองรับมาตรฐานใหม่ล่าสุดไว้ใน Version 11 นี้ด้วย เช่น ISO3745:2003, ECMA74 8th: 2003, ISO7779:1999 และ Directive 2000/14/EC และด้วยซอฟต์แวร์ตัวเดียว ยังสามารถวัด Sound Power ได้ครบทั้ง 3 รูปแบบคือ Intensity Base, Pressure Base และ Reverberation Base Method ทำให้ผู้ใช้คุ้นเคยกับซอฟต์แวร์ตัวเดียวก็รองรับงานได้ทั้ง 3 รูปแบบ

.

สำหรับการวัดสินค้าที่เสียงเบามาก ๆ เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ฯลฯ Bruel & Kjaer มี Low Noise Microphone รุ่นใหม่ล่าสุด Model 4955 ขนาด ½ นิ้ว ที่มี Noise ต่ำกว่า 6.5 dBA ให้เลือกใช้

.

รูปที่ 11 การวัด Sound Power

.

การวัดเพื่อคัดแยกของดีของเสียในขบวนการผลิต

เมื่อสิ้นสุดการประกอบผลิตภัณฑ์ สินค้าส่วนใหญ่จะถูกนำมาทดสอบใช้งานเพื่อแยกของดีของเสีย คุณลักษณะ หนึ่ง ซึ่งบ่งบอกความผิดปกติของการใช้งานก็คือ เสียงและความสั่นสะเทือน ซึ่งมักนิยมใช้หูฟังและประสาทสัมผัสในการแยกของเสีย วิธีนี้ง่ายและราคาถูกก็จริง แต่มีความไม่แน่นอนในการทดสอบอยู่มาก และอาจไม่เป็นที่ยอมรับของลูกค้า วิธีที่ดีกว่าก็คือ การใช้เครื่องวัดนั่นเอง

.

PULSE V11 ได้เตรียมพร้อมสำหรับงานนี้ไว้ให้คือ Tolerance Check ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดสเปกตรัมของสินค้าที่เป้นของดีเอาไว้เป็น Template เมื่อผลการวัดสินค้าตัวใดที่มีค่าเกิด Template ในความถี่ใด เครื่องก็จะแจ้งเตือนให้ว่า “Fail” และค่า Template ดังกล่าวนี้สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการคลิกเมาส์

.

รูปที่ 12 Tolerance Check

.

การทำ NOISE MAPPING

ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ หรือการแก้ไขผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นในแง่ของเสียงรบกวน การทำ NOISE MAPPING จะช่วยให้ผู้พัฒนาทราบว่าชิ้นส่วนประกอบใดที่ส่งเสียงรบกวนมากที่สุดในย่านความถี่ใดบ้าง เพื่อจะได้แก้ไขถูกจุด เช่น เพื่อฉนวนเสียงในตำแหน่งที่เป็นปัญหาจริง ๆ ฯลฯ

.

รูปที่ 13 การสแกนเสียงรบกวนด้วย Intensity Probe ติดตั้งกับแขนกล

.

รูปที่ 14 NOISE MAPPING หลังจากสแกนเสร็จ

.
สรุป

Bruel & Kjaer มีผลิตภัณฑ์มากมายสำหรับการวัด S&V ในอุตสาหกรรม ตั้งแต่ชนิดพื้นฐานในงบประมาณต่ำสำหรับการทดสอบประจำวันไปจนถึงชนิดที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงสำหรับงานวิจัยและพัฒนา ซึ่งทั้งหมด BK ได้ประกาศพันธกิจว่า เราไม่ได้ขายเพียงผลิตภัณฑ์เพื่อใช้งานแก่ลูกค้าเท่านั้น แต่ยังให้คำปรึกษาทางเทคนิคทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับการนำเครื่องมือเหล่านั้นไปประยุกต์ใช้ให้กว้างขวางขึ้นรวมถึงการซ่อมบำรุง และสอบเทียบอย่างครบวงจร

.

ทีมงาน Sound and Vibration ของเมเชอร์โทรนิกซ์ให้บริการท่านตั้งแต่เข้าไปเป็นที่ปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ของ NVH ติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาด้าน NVH รับเป็น Turnkey Solution Provider ระบบทดสอบที่เกี่ยวข้องกับ NVH และจัดอบรมสัมมนาในหัวข้อของ NVH ที่ท่านสนใจ

.

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่

บริษัท เมเชอร์โทรนิกส์ จำกัด

2425/2 ถนนลาดพร้าว ระหว่างซอย 67/2-69 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพ ฯ 10310

โทรศัพท์ 0-2514-1000, 0-2514-1234 โทรสาร 0-2514-0001, 0-2514-0003

http://www.measuretronix.com, E-mail: info@measuretronicx.com

ทีมงาน Sound and Vibration ของเมเชอร์โทรนิกซ์ให้บริการท่านตั้งแต่เข้าไปเป็นที่ปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ของ NVH ติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาด้าน NVH รับเป็น Turnkey Solution Provider ระบบทดสอบที่เกี่ยวข้องกับ NVH และจัดอบรมสัมมนาในหัวข้อของ NVH ที่ท่านสนใจ