เนื้อหาวันที่ : 2009-09-22 09:00:27 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1129 views

คลังเตรียมจ่ายงบไทยเข้มแข็ง 1.45 หมื่นล้านก.ย. นี้

คลังเตรียมเคาะอนุมัติงบไทยเข้มแข็งให้ 5 แบงก์รัฐ 1.45 หมื่นล้านบาท ก.ย. นี้ พร้อมคลายระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง หวังดันเม็ดเงินหมุนเข้าระบบเร็วขึ้น

คลังเตรียมเคาะอนุมัติงบไทยเข้มแข็งให้ 5 แบงก์รัฐ 1.45 หมื่นล้านบาท ก.ย. นี้ พร้อมคลายระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง หวังดันเม็ดเงินหมุนเข้าระบบเร็วขึ้น

.

กระทรวงการคลังเตรียมกดปุ่มอนุมัติงบไทยเข้มแข็งให้สถาบันการเงิน 14,500 ล้านบาท รอบแรก 21 ก.ย. 2552 นี้ 10,000 ล้านบาท และอีก 4,500 ล้านบาท 28 ก.ย. 2552  

.

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 

.

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  เปิดเผยว่า ขณะนี้เงินงบประมาณตามมาตรการไทยเข้มแข็งรอบแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552  จะเริ่มเบิกจ่ายเข้าระบบได้ในสัปดาห์นี้  สำหรับสถาบันการเงินของรัฐ  5 แห่ง รวมจำนวน 14,500 ล้านบาท  (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 2,000ล้านบาท

.

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 3,000 ล้านบาท ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 5,000 ล้านบาท บรรษัทอุตสาหกรรมขนาดย่อม 2,000 ล้านบาท  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย 2,500 ล้านบาท)โดยเบิกจ่ายรอบแรกในวันที่ 21 กันยายน 2552  

.

สำหรับสถาบันการเงิน 3 แห่ง จำนวน 10,000 ล้านบาท  และวันที่ 28 กันยายน 2552 อีก 4,500 ล้านบาท    ซึ่งหน่วยงานที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจจะทำการ  ขอเบิกเงินทางระบบ GFMIS ที่กรมบัญชีกลาง  สำหรับงบไทยเข้มแข็งในปี 2553 ได้รับรายงานเบื้องต้นว่ามีการอนุมัติโครงการของกรมทางหลวง  และเมื่อได้รับจัดสรรเงินงบประมาณก็พร้อมเบิกจ่ายได้เป็นกลุ่มแรก 

.

สำหรับโครงการอื่น ๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555  วงเงิน 1.43 ล้านล้านบาท  รัฐบาลจะทยอยอนุมัติโครงการลงทุนต่างๆและคาดการณ์ได้ว่างบก้อนแรก 2 แสนล้านบาท นั้น ส่วนใหญ่จะเป็น 4 กระทรวงหลักคิดเป็น 75% ของวงเงิน  คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข   ซึ่งเจ้าของโครงการสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการต่อได้ทันที   โดยมีเป้าหมายการเบิกจ่ายร้อยละ 90 

.

นายพฤฒิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า  "สำหรับขั้นตอนวิธีการใช้จ่ายเงินนั้น หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้งบประมาณ  ต้องเปิดบัญชีเงินฝากคลังเฉพาะสำหรับงบไทยเข้มแข็งไว้กับธนาคารรัฐวิสาหกิจ และเบิกจ่ายเหมือนงบประมาณปกติผ่านระบบ GFMIS   เพื่อสามารถติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินได้   และเมื่อ ครม.อนุมัติโครงการ/แผนงานและได้รับจัดสรรงบประมาณ  ก็สามารถดำเนินงานตามแผนงานต่อไป  

.

ในขั้นตอนการดำเนินงานก็ได้มีการผ่อนคลายในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้าง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ เรื่องระยะเวลาการดำเนินการ Auction ไว้แล้ว  โดยสามารถลดขั้นตอนและระยะเวลาจากเดิม 85 วัน เหลือเพียง 28 วันเท่านั้น  ซึ่งจะช่วยให้เม็ดเงินเข้าไปหมุนระบบเศรษฐกิจได้  เร็วขึ้น  เกิดการจ้างงานทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มเติม  และจะมีกระบวนการติดตามการใช้จ่ายเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การใช้งบประมาณดังกล่าวให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด เนื่องจากเป็นการใช้จ่ายจากเงินกู้"