เนื้อหาวันที่ : 2009-09-18 14:12:54 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1353 views

BOI เตรียมชง "มาร์ค" ออกมาตรการหนุนนักธุรกิจไทยไปลงทุนตปท.

BOI เผยไทยมีการลงทุนในต่างประเทศเพียง 2.9% ของจีดีพี เตรียมเสนอนายกฯออกมาตรการส่งเสริมนักธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น วัลลภ ชี้อุตฯเครื่องนุ่งห่มเริ่มฟื้น แนะรัฐดูแลบาทไม่ให้ผันผวน

BOI เผยไทยมีการลงทุนในต่างประเทศเพียง 2.9% ของจีดีพี เตรียมเสนอนายกฯออกมาตรการส่งเสริมนักธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น วัลลภ ชี้อุตฯเครื่องนุ่งห่มเริ่มฟื้น แนะรัฐดูแลบาทไม่ให้ผันผวน

.

นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)

.

นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว, พม่า, เวียดนาม ตลอดจนประเทศจีน, อินเดีย, แอฟริกา และรัสเซีย โดยจัดกิจกรรมศึกษาลู่ทางการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

.

ล่าสุด ได้ตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ เพื่อหาช่องทางการลงทุนในตลาดใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งขณะนี้ คณะอนุกรรมการฯ อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการเพื่อเตรียมเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการภายในเดือนต.ค.นี้

.

สำหรับสถิติการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2523-2550 ประเทศไทยมีการลงทุนในต่างประเทศมูลค่าเพียง 7,025 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 2.9% ของจีดีพี เมื่อเทียบกับสิงค์โปร์ที่มีมูลค่า 149,526 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 92.7% ของจีดีพี และมาเลเซียมีมูลค่า 58,175 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 31.2% โดยถือว่าไทยยังมีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศที่น้อยมาก   

.

นายวัลลภ วิตนากร เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย ระบุว่า สถานการณ์อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นแม้จะยังขยายตัวติดลบ โดยล่าสุดในเดือนส.ค.52 ติดลบประมาณ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังเชื่อมั่นว่าตั้งแต่เดือนต.ค.ปีนี้จนถึงปีหน้าอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยจะปรับตัวดีขึ้น

.

ส่งผลให้ทั้งปี 52 การเติบโตจะติดลบราว 7-10 % เนื่องจากช่วงปลายปีจนถึงต้นปีหน้าเริ่มมีคำสั่งซื้อเพิ่มเข้ามามากขึ้นตามฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ยอมรับว่าผู้ประกอบการยังมีปัญหาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าหรือมีความผันผวนมากนัก 

.

นายวัลลภ ประเมินว่าในอีก 4 -5 ปีหน้าประเทศไทยจะเกิดวิกฤติแรงงานขาดแคลน ทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า, บังกลาเทศ ซึ่งภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงการคลังควรจะนำโครงสร้างภาษีที่ให้แก่นักลงทุนของประเทศมาเลเซียและสิงค์โปร์มาศึกษา เพื่อส่งเสริมนักลงทุนไทยออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น

.