เนื้อหาวันที่ : 2009-09-17 10:42:20 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1320 views

F5 เดินหน้าขับเคลื่อนแอพพลิเคชันเต็มสูบ ย้ำจุดยืนไม่ใช่แค่โหลดบาลานซ์

F5 เน็ตเวิร์กส์ ต่อยอดความสำเร็จของเทคโนโลยีโหลดบาลานซ์ ขยายการรับรู้สู่ตลาด ส่งโซลูชันนวัตกรรมเอดีเอ็นครบวงจรรุกตลาดประเทศไทย ครอบคลุมการรักษาความปลอดภัย ควบคู่กับการเร่งความเร็วในการใช้เว็บแอพพลิเคชัน

F5 เน็ตเวิร์กส์ ผู้นำระดับโลกด้านเครือข่ายเพื่อการขับเคลื่อนแอพพลิเคชัน หรือ เอดีเอ็น (ADN - Application Delivery Networking) ต่อยอดความสำเร็จของเทคโนโลยีโหลดบาลานซ์ ขยายการรับรู้สู่ตลาดในฐานะผู้นำด้านเครือข่ายเพื่อการขับเคลื่อนแอพพลิเคชัน

.

สร้างความคล่องตัวให้องค์กร ส่งโซลูชันนวัตกรรมเอดีเอ็นครบวงจรลงตลาดประเทศไทย ครอบคลุมทั้งการรักษาความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการเร่งความเร็วในการใช้เว็บแอพพลิเคชัน ช่วยให้ใช้ทรัพยากรในระบบโครงสร้างได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

.

ณัฐพล อภิลักโตยานันท์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย F5 เน็ตเวิร์กส์

.

ณัฐพล อภิลักโตยานันท์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย F5 เน็ตเวิร์กส์ เปิดเผยว่า F5 ประสบความสำเร็จในการบุกเบิกตลาดไอที ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีโหลดบาลานซ์ ซึ่งได้รับความสำเร็จอย่างมากมาย โดยในปัจจุบัน F5 มีส่วนแบ่งในตลาดโหลดบาลานซ์ในประเทศไทยกว่า 70% พร้อมกับยังคงมุ่งหน้าพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้ระบบโครงสร้างที่ดียิ่งขึ้น        

.

โดยใช้ฐานความแข็งแกร่งในเรื่องโหลดบาลานซ์ พัฒนาต่อยอดศักยภาพด้านนวัตกรรมไปสู่ระบบเครือข่ายเพื่อการขับเคลื่อนแอพพลิเคชัน หรือ เอดีเอ็น ภายใต้กลยุทธ์การนำเสนอนวัตกรรม "Beyond Load Balancer" จนสามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดเอดี ควบคู่ไปกับการนำเสนอเรื่องของระบบความปลอดภัยสำหรับเว็บแอพพลิเคชัน และได้รับการจัดอันดับผู้นำที่มีส่วนแบ่งสูงสุดในตลาดแพลตฟอร์มล้ำหน้าสำหรับเอดีซี (Application Delivery Controller) คือ 52.2 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรกของปี 2552 ตามข้อมูลของการ์ทเนอร์ 

.

"นวัตกรรมของ F5 ได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งอเมริกาและยุโรป โดยในตลาดถือว่า F5 เป็นแบรนด์ยอดนิยมที่นำเสนอโซลูชันเอดีเอ็น และสำหรับตลาดเอดีเอ็นในเอเชีย ก็เป็นตลาดที่เติบโตเร็ว ซึ่งในภูมิภาคอาเซียน ตลาดเอดีเอ็นในประเทศไทย นับว่าเป็นตลาดใหญ่เป็นอันดับที่สองรองจากประเทศสิงคโปร์ และ F5 ก็เป็นผู้ให้บริการโซลูชันเอดีเอ็นที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุด" ณัฐพล กล่าว 

.

"สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในประเทศไทยระหว่างปีนี้ ถึงปีหน้า F5 จะมุ่งเน้นการสื่อสารจุดยืนที่นำเสนอคุณค่าด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี และโซลูชัน มากกว่าการเป็นผู้ให้บริการโซลูชันโหลดบาลานซ์ ทั้งในแง่โฆษณา ประชาสัมพันธ์ และการจัดฝึกอบรมให้แก่พันธมิตรตัวแทนจำหน่ายและผู้วางระบบทั้งหมด   

.

เพื่อถ่ายทอดศักยภาพและการนำเสนอโซลูชันระบบเครือข่ายเพื่อการขับเคลื่อนแอพพลิเคชัน หรือ เอดีเอ็น (ADN - Application Delivery Networking) พร้อมกับนำเสนอคุณค่าสูงสุดจากการใช้โซลูชันของ F5 ต่อยอดทั้งในแง่ของการเร่งความเร็วในการใช้เว็บแอพพลิเคชัน (BIG-IP WebAccelarator) และเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดในการใช้แอพพลิเคชัน (BIG-IP Application Security Manager)"

.
ผลิตภัณฑ์หลัก ใน 4 ตลาด ที่ F5 จะมุ่งเน้นทำตลาดอย่างหนักในประเทศไทย ในปีนี้ และปีถัดไป

1. ตลาดแรกซึ่ง F5 ยังคงรักษาความเป็นผู้นำไว้ได้ตลอดกาล ได้แก่ ตลาดโหลดบาลานซ์ (Load Balance) ซึ่งผลิตภัณฑ์ในราว 90 เปอร์เซ็นต์ของตลาดโหลดบาลานซ์ทั้งหมด ได้แก่ LTM หรือ Local Traffic Manager เป็นโหลดบาลานซ์ที่ใช้ภายในดาต้าเซ็นเตอร์ อีก 10 เปอร์เซ็นต์เป็นของ ตลาดโหลดบาลานซ์ที่ใช้ระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์ สำหรับองค์กรที่มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าหนึ่งแห่ง          

.

เช่นองค์กรโทรคมนาคม หรือ องค์กรที่ให้บริการด้านการเงิน ได้แก่ GTM หรือ Global Traffic Manager โดย F5 จะยังคงนำเสนอทั้งผลิตภัณฑ์ F5 BIG-IP Local Traffic Manager และ F5 BIG-IP Global Traffic Manager ให้กับลูกค้าที่มีความต้องการ

.

2. ตลาดซีเคียวริตี้ หรือ ด้านความปลอดภัยในดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งจะมาช่วยต่อยอดลูกค้าฐานเดิมในกลุ่มที่ใช้โหลดบาลานซ์ของ F5 อยู่แล้ว ให้สามารถขับเคลื่อนแอพพลิเคชันผ่านเว็บได้อย่างปลอดภัย ได้แก่

.

ผลิตภัณฑ์ บิ๊ก-ไอพี เอเอสเอ็ม (BIG-IP Application Security Manager) ซึ่งเป็นเว็บแอพพลิเคชันไฟร์วอลล์ที่ล้ำหน้า สามารถดึงเอาประโยชน์จากโครงสร้างที่ใช้ระบบปฏิบัติการทีมอส (TMOS) ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งการเร่งความเร็วและการรักษาความปลอดภัยในขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการบีบอัดข้อมูล การทำแคชชิ่ง (caching) เป็นต้น และช่วยลดการใช้แบนด์วิธได้สูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์        

.

โดยล่าสุด F5 เพิ่งได้มีการเปิดตัว บิ๊ก-ไอพี เอเอสเอ็ม เวอร์ชัน ล่าสุดคือ เวอร์ชัน 10 ไปเมื่อตอนต้นปี ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความฉลาดในการบริหารจัดการ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และลดค่าใช้จ่ายจากการใช้ทรัพยากรในระบบได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และสิ่งสำคัญก็คือ ช่วยตอบสนองวิสัยทัศน์ของ F5 ในการนำเสนอบริการรวมเพื่อการใช้ข้อมูลและแอพพลิเคชัน หรือที่เรียกว่า Unified Application and Data Delivery Services ได้อย่างสมบูรณ์แบบ   

.

ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากการมีไฟร์วอลล์สำหรับแอพพลิเคชันที่ทำงานได้เร็วที่สุดและมีสมรรถนะที่เหนือกว่า ทั้งยังช่วยผสานรวมโซลูชันความปลอดภัยเข้าไว้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้เครือข่ายเพื่อการขับเคลื่อนแอพพลิเคชัน ช่วย ป้องกันแอพพลิเคชันจากภัยอย่าง Denial of Service การโจมตีระบบในวงกว้าง การโจมตี SQL (SQL injection) และการโจมตีในรูปแบบอื่นๆ ทั้งบนแอพพลิเคชันแบบเดิมและเว็บ 2.0 แอพพลิเคชัน เพื่อให้ความปลอดภัยบนโซลูชันเพื่อการขับเคลื่อนแอพพลิเคชันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

.

3. ตลาดเว็บทราฟฟิก (Web Traffic) จัดเป็นตลาดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน เพื่อสนองความจำเป็นในการสื่อสารระหว่างองค์กรและลูกค้าผ่านเว็บไซต์ เช่นการให้บริการธุรกรรม ประเภท e-Banking, M-Banking กระทั่งตลาดเกมออนไลน์ หรือการทำตลาดผ่านเว็บ เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ ให้เกิดความภักดีในแบรนด์ รวมถึงการค้าขายออนไลน์ ทั้งหมด

.

ทั้งหมดนี้ เกิดจากการที่องค์กรธุรกิจเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อสร้างประสบการณ์ให้แก่ผู้บริโภค และทำให้โซลูชันที่เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วของการทำกิจกรรมผ่านเว็บไซต์ เช่น BIG-IP WebAccelerator เป็นที่ต้องการในตลาดแห่งนี้ เพราะหากเว็บไซต์ของตนไม่สามารถสนองความพึงพอใจด้านความเร็วให้ลูกค้าของตนได้

.

เช่นการต้องรอโหลดหน้าเว็บใดเว็บหนึ่งนานเกินไป อาจทำให้ลูกค้าคลิกเม้าท์เปลี่ยนหน้าโฮมเพจในที่สุด ดังนั้น BIG-IP WebAccelerator เข้ามามีบทบาทในตลาดแห่งนี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นโซลูชันชั้นสูงที่ช่วยเร่งความเร็วของเว็บแอพพลิเคชัน จากเทคโนโลยีที่ช่วยลดการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ และระบบเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิผล จึงเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของแบนด์วิธได้อีกทาง          

.

นอกจากนี้ โซลูชันดังกล่าวยังสามารถทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มของเว็บแอพพลิเคชันชั้นนำได้หลากหลายทั้งจากไมโครซอฟท์ ออราเคิล ซีเบล เอสเอพี และ บีอีเอ ช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสมรรถนะของเว็บแอพพลิเคชันได้อย่างดี ทั้งในเรื่องของความล่าช้าบนระบบแวน (WAN) และรูปแบบการปฏิบัติบนฝั่งบราวเซอร์ที่ไม่เหมาะสม โดยเทคโนโลยีดังกล่าวช่วยปรับปรุงสมรรถภาพของแอพพลิเคชันให้เพิ่มขึ้นได้กว่า 3-10 เท่า

.

4. ตลาดสุดท้าย ตลาด สตอเรจเวอร์ชวลไลเซชัน ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังได้รับความสนใจมากที่สุดในขณะนี้ และเป็นที่จับตามองทั้งจากองค์กรต่างๆมากมายที่ต้องการเพิ่มสมรรถนะโครงสร้างไอทีขององค์กรตนเองให้ทรงประสิทธิภาพ ดังนั้น ARX Series คือคำตอบของตลาดนี้ เพราะเป็นโซลูชันด้านดาต้าและไฟล์เวอร์ชวลไลเซชันอัจฉริยะ ที่ช่วยให้สามารถบริหารจัดการไฟล์ข้อมูลได้ง่ายขึ้น ในลักษณะของระบบจัดการแบบอัตโนมัติ และเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ให้ประสิทธิภาพสูงในการบริหารจัดการระบบสตอเรจได้ตามนโยบายที่กำหนด

.

ช่วยขจัดปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้แอพพลิเคชันและธุรกิจ จากการย้ายข้อมูล (Data Migration) การจัดระบบสตอเรจแบบเป็นลำดับชั้น (Storage Tiering) และการทำรีพลีเคชันข้อมูล (Data Replication) รวมถึงการทำโหลดบาลานซ์บนระบบสตอเรจ (Storage Load Balancing) ซึ่งผลิตภัณฑ์ของ F5 สามารถบริหารจัดการร่วมกับผลิตภัณฑ์ของผู้จำหน่ายรายอื่นได้อย่างราบรื่น ซึ่งสิ่งนี้นับเป็นหนึ่งในจุดแข็งของ F5

.

F5 ยังคงพร้อมที่จะเดินหน้าด้วยความคล่องตัว ในการนำเสนอโซลูชันเอดีเอ็นให้กับฐานลูกค้าเดิม ในอุตสาหกรรมสำคัญเช่นสถาบันการเงิน ภาคธุรกิจโทรคมนารม และองค์กรเอกชน พร้อมก้าวสู่โอกาสใหม่ท่างการตลาด เช่น ตลาดหน่วยงานราชการ พร้อมกับได้วางแผนงานในการทำการตลาดร่วมกับพันธมิตรผู้จำหน่ายรายอื่นในตลาด

.

ควบคู่ไปกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความคล่องตัวที่เหนือกว่าให้ดาต้าเซ็นเตอร์ของลูกค้า โดยจะเสริมคุณค่า ทั้งสมรรถนะ และความปลอดภัย เพื่อรองรับการเติบโตของโครงสร้างสถาปัตยกรรมไอทีขององค์กรที่มีแต่จะโตขึ้น และมีความต้องการนวัตกรรมที่สูงขึ้น

.