เนื้อหาวันที่ : 2006-11-28 09:29:11 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1630 views

กรมสรรพากรเดินหน้าให้หักค่าลดหย่อนเพิ่มเป็น 1 แสนบาท

อธิบดีกรมสรรพากร เตรียมเสนอพิจารณาให้ความเห็นชอบการเพิ่มวงเงินหักค่าลดหย่อนผู้เสียภาษีจากเดิมไม่เกิน 60,000 บาท เป็นไม่เกิน 100,000 บาท มั่นใจเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเศรษฐกิจ

สำนักข่าวไทยรายงานข่าวอธิบดีกรมสรรพากร เตรียมเสนอให้ สมหมาย ภาษี พิจารณาให้ความเห็นชอบการเพิ่มวงเงินหักค่าลดหย่อนผู้เสียภาษีจากเดิมไม่เกิน 60,000 บาท เป็นไม่เกิน 100,000 บาท มั่นใจเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเศรษฐกิจ  พร้อมมั่นใจเก็บภาษีได้ตามเป้าหมายแน่นอน

.

นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรอยู่ระหว่างทบทวนรายละเอียดเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายของกรมสรรพากร เพื่อยืนยันต่อกระทรวงการคลังว่า ควรดำเนินการต่อไปหรือไม่ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ     (สนช.) ต่อไป โดยยืนยันว่าการแก้ไขกฎหมายสรรพากรที่เกี่ยวข้องกับการให้เพิ่มวงเงินการหักค่าลดหย่อนจากเดิมที่กำหนดให้ผู้เสียภาษีที่เป็นโสดสามารถหักค่าลดหย่อนจากเดิมไม่เกิน 60,000 บาท เป็นไม่เกิน 100,000 บาทนั้น ยังถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเดินหน้าต่อ เพราะเห็นว่าเป็นผลดีกับประชาชน และเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ โดยจะเสนอให้    นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับดูแลนโยบายของกรมภาษี พิจารณาเห็นชอบต่อไป ส่วนในรายละเอียดคงต้องหารือให้ชัดเจนต่อไป

.

อย่างไรก็ตามในการหารือกับนายสมหมาย เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือแต่อย่างใด เพียงแต่รับทราบนโยบายและชี้แจงการทำงานของกรมสรรพากรให้นายสมหมาย รับทราบรายละเอียด โดยยืนยันว่าในปีงบประมาณ 2550 นั้น กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ระดับ 1.14 ล้านล้านบาทแน่นอน เพราะกรมสรรพากรมีทีมกำกับดูแลในการเสียภาษีของผู้เสียภาษีทุกคนอยู่แล้ว

.

นอกจากนี้ผู้เสียภาษีเองยังได้เข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของกรมสรรพากรเป็นอย่างดี ซึ่งสะท้อนได้จากผลการจัดเก็บภาษีในเดือน ต.ค. 2549 ซึ่งถือเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 ได้เกินเป้าหมายถึง 2,000 ล้านบาท และยืนยันว่าเป็นผลสะท้อนมาจากการให้ความร่วมมือของผู้เสียภาษี ไม่ได้เกิดจากกรณีที่มีผู้เรียกร้องว่ากรมสรรพากรไปขูดรีดภาษีจากผู้เสียภาษีแต่อย่างใด ตรงนี้ต้องยอมรับว่าผู้เสียภาษีมีทั้งผู้ที่เข้าใจถึงหน้าที่ในการเสียภาษีของตนเองอย่างแท้จริง และผู้เสียภาษีที่พยายามไม่เข้าใจหน้าที่ในการเสียภาษีของตนเอง

.

กรมสรรพากรไม่จำเป็นต้องปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษี หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีอีกแต่อย่างใด เพราะผู้เสียภาษีได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องอยู่แล้ว เพียงแต่กรมสรรพากรต้องดูแลให้เกิดความเป็นธรรมในการเสียภาษีที่ถูกต้อง และให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียภาษีทุกคนด้วย นายศิโรตม์ กล่าว

.

นายศิโรตม์ กล่าวว่า กรมสรรพากรมั่นใจว่าจะจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมายที่กำหนดแน่นอน เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 40 ของการจัดเก็บภาษีสรรพากรทั้งหมด ซึ่งยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศยังดีอยู่มาก รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มั่นใจว่าไม่มีปัญหาแน่นอน

.

สำหรับกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรกำลังแตกแยกกันนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรยังทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยอมรับว่าในเรื่องของความเห็นนั้นมีความแตกต่างกันบ้าง แต่ไม่เกิดความแตกแยกตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด.