เนื้อหาวันที่ : 2009-08-17 16:18:39 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1113 views

คลังเชื่อหนี้สาธารณะ 3 ปีข้างหน้าไม่ถึง 60%

คลังคาดสัดส่วนหนี้สาธารณะในช่วง 3 ปีข้างหน้า ลดลงเหลือ 57% จากเดิมคาดอยู่ที่ 61% ของจีดีพี หลังเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น

คลังคาดแนวโน้มสัดส่วนหนี้สาธารณะในช่วง 3 ปีข้างหน้า ลดลงเหลือ 57% จากเดิมคาดอยู่ที่ 61% ของจีดีพี หลังเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น

.

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

.

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้ประชุมแผนการบริหารหนี้สาธารณะปี 2553 ซึ่งในปีนี้ต้องประชุมหลายครั้ง เพราะหลังจากรัฐบาลกู้เงินจากแหล่งต่าง ๆ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.กู้เงิน 400,000 ล้านบาท และ พ.ร.ก.กู้เงิน 400,000 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจทำให้ภาระหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 61 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2556

.

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) มองว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาปัจจัยทางเศรษฐกิจหลายตัวมีสัญญาณดีขึ้น และจีดีพีปีนี้จะติดลบ 3% และปีหน้ากลับมาบวก 2.5% สบน.จึงเสนอต่อที่ประชุมว่าภาระหนี้สาธารณะน่าจะลดลงเหลือ 57% จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ประมาณ 43.4% ของจีดีพี เพราะเดิมที่คาดว่าภาระหนี้สาธารณะในปี 2552 จะสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท

.

อย่างไรก็ตาม เมื่อใกล้ปีงบประมาณแล้วภาระหนี้สาธารณะปัจจุบันอยู่ที่ 1.13 ล้านล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ากรอบเดิมมาก และคาดว่าในปี 2553 ภาระหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านบาท ที่ประชุมจึงให้ สบน.กลับไปพิจารณารายละเอียดและปัจจัยดังกล่าวให้ได้ข้อสรุปอีกครั้ง และเสนอกลับมาในสัปดาห์หน้า

.

ลดพึ่งพาเงินกู้ต่างประเทศ-เหตุสภาพคล่องในระบบยังสูง

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการฯ เห็นว่าสภาพคล่องของระบบในประเทศยังมีสูงมาก จึงควรพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศน้อยลง ทั้งในระดับการใช้เงินในโครงการลงทุน เช่น การกู้เงินสำหรับก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จากเดิมกำหนดกู้เงินต่างประเทศ โดยกระทรวงการคลังจะหาแหล่งเงินกู้ในประเทศให้แทน และต้องทบทวนระดับนโยบายด้วย

.

หลังจากกระทรวงการคลังได้เคยขออนุญาตทั้งคณะรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎร ขอเปิดวงเงินกู้จากธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) วงเงินประมาณ 73,000 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้น วงเงินตามค่าเงินบาทก็เหลือประมาณ 62,000 ล้านบาท หากกู้เงินต่างประเทศเข้ามาจะเป็นแรงกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้นไปอีก

.
รายงานแผนลงทุนไทยเข้มแข็งครม.พรุ่งนี้

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ (18 ส.ค.) กระทรวงการคลัง จะเสนอให้ที่ประชุมรับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการลงทุนตามโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะมีการเปิดตัวโครงการในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยส่งเงินเข้าบัญชีของหน่วยงานที่มีโครงการลงทุน ซึ่งได้มีหน่วยงานจากกระทรวงการต่าง ๆ เสนอของบลงทุนมาแล้วกว่า 200,000 ล้านบาท เป็นโครงการลงทุนระยะสั้นทำให้เงินออกสู่ระบบอย่างรวดเร็ว โดยการกู้เงินตาม พ.ร.บ. มีการกู้เงินผ่านพันธบัตรไปแล้ว 80,000 ล้านบาท ยังเหลืออีก 320,000 ล้านบาท

.

ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว การจัดทำงบประมาณคาดว่าจะกลับมาเป็นงบประมาณแบบสมดุลในปีงบประมาณ 2558 เพราะคาดการณ์ว่าหลังจากครบกำหนดโครงการไทยเข้มแข็งไปแล้ว 2 ปี นับจากปี 2555 เศรษฐกิจจะยิ่งดีขึ้น

.

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์