กรมศุลกากรทบทวนโครงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด  หรือซีซีทีวี  ตามด่านศุลกากรทั่วประเทศ  จากเดิมวางแผนใช้เงิน 1,200  ล้านบาท  ระบุสาเหตุเพราะความจำเป็นลดลง  เพราะบางหน่วยงานติดตั้งซีซีทีวีไปบ้างแล้ว  จึงเกรงว่าจะซ้ำซ้อนกัน  และกรมศุลกากรได้ปรับปรุงระบบการทำงานเป็นแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว

นายสถิตย์  ลิ่มพงศ์พันธุ์  อธิบดีกรมศุลกากร  เปิดเผยว่า  กรมศุลกากรได้ทบทวนโครงการติดตั้งซีซีทีวี ตามด่านศุลกากรทั่วประเทศ  มูลค่า 1,200 ล้านบาท ใหม่ทั้งหมด  เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง  และไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น ๆ  รวมทั้งทำให้การของบประมาณในการติดตั้งซีซีทีวี ดำเนินการได้ง่ายขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ทั้งกรมศุลกากรและหน่วยงานอื่น  ๆ  เช่น  สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)  หรือสภาความมั่นคงแห่งชาติ  (สมช.) ได้ติดตั้งซีซีทีวีในบางพื้นที่ไปบ้างแล้ว

ดังนั้น  กรมศุลกากรจึงต้องทบทวนพื้นที่ที่จะติดตั้งซีซีทีวี ว่าซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นหรือไม่  ประกอบกับขณะนี้  กรมศุลกากรได้ปรับระบบการทำงานแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียวที่จุดปล่อยของ  ดังนั้น  การติดตั้งซีซีทีวีทุกด่านศุลกากรจึงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป  ซึ่งการติดตั้งซีซีทีวี ไม่ว่าจะเป็นที่ด่านศุลกากรต่าง ๆ หรือที่ใด  ต้องสามารถบูรณาการและเชื่อมโยงระหว่างกันได้  เพื่อความมั่นคงของชาติ

การทบทวนนโยบายติดตั้งซีซีทีวีของกรมศุลกากร  ไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ  กับโครงการติดตั้งซีซีทีวีที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  แต่เป็นการทบทวนตามความเหมาะสม  เพราะไม่ต้องการให้เกิดความซ้ำซ้อนระหว่างกันเท่านั้น  แต่ไม่ว่าจะติดตั้งซีซีทีวีที่จุดใดก็ต้องสามารถเชื่อมโยงระหว่างกันได้ทุกหน่วยงานและทุกจุดทุกสถานที่ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพในทุกด้าน  นายสถิตย์  กล่าว

รายงานข่าวจากกรมศุลกากร ระบุว่า โครงการติดตั้งซีซีทีวี ของกรมศุลกากร  มีมูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท ได้ริเริ่มขึ้นในปี  2547 ที่มีนายชวลิต  เศรษฐเมธีกุล  เป็นอธิบดีกรมศุลกากร  ซึ่งมีเป้าหมายติดตั้งในเฟสแรกประมาณ 700 จุด  และเฟสที่ 2 อีก 500 จุด  โดยก่อนหน้านี้  ได้ติดตั้งไปแล้วที่ด่านศุลกากรสะเดา จังหวัดสงขลา ด่านศุลกากรแม่สาย  จังหวัดเชียงราย  ด่านศุลกากรอรัญประเทศ  จังหวัดปราจีนบุรี  และด่านศุลกากรหนองคาย  จังหวัดหนองคาย  ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่อง  แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการติดตั้งเพิ่มเติมแต่อย่างใด.