เนื้อหาวันที่ : 2009-08-05 09:37:06 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 3469 views

ชาวจะนะร้องนายกฯ ถอนกฤษฎีกาฉบับยึดที่สาธารณะให้โรงแยกก๊าซ

ชาวอำเภอจะนะ จี้ "มาร์ค" ถอนกฤษฎีกาฉบับยึดที่สาธารณะให้โรงแยกก๊าซไทย - มาเลเซีย ชี้บ.ทรานส์ไทย - มาเลเซีย เข้าครอบครองที่ดินสาธารณะโดยผิดกฎหมาย โวยเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจทำร้ายประชาชน

.

วันที่ 2 ส.ค. 2552 ชาวมุสลิมตัวแทนเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย จากอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ประมาณ 100 คน ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขณะมาเป็นประธานเปิดงาน "มหกรรมเปิดโลกฮาลาล : วัฒนธรรมสัมพันธ์" ณ มัสยิดกลางจังหวัดสงขลา ถนนลพบุรีราเมศวร์ ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

.

โดยฉบับแรก เป็นหนังสือร้องเรียนให้แก้ไขปัญหากรณีที่ดินสาธารณประโยชน์ ซึ่งเป็นที่ดินวะกัฟ อันเป็นการอุทิศเพื่อพระผู้เป็นเจ้าให้ประชาชนทั่วไปใช้ประโยชน์ร่วมกันตามหลักศาสนาอิสลาม โดยโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย เข้าครอบครองโดยผิดกฎหมาย มีเนื้อหาในหนังสือโดยสรุป ดังนี้

.

"ขอให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินสาธารณะ และมีคำสั่งให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องสอบสวนดำเนินคดีกับผู้บุกรุกเข้าครอบครองที่ดินสาธารณะรวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ที่กระทำผิด อันเนื่องมาจากการก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ในพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา โดยที่บริษัท ทรานส์ไทย - มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด บุกรุก เข้าครอบครองเส้นทางซึ่งประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน และปิดกั้นไม่ให้ประชาชนทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ดังเดิม

.

โดยรัฐบาลสมัยพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกมารับรองความชอบธรรมย้อนหลังให้กับการกระทำของ บริษัท ทรานส์ ไทย –มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ในการบุกรุกฯ ด้วยการประกาศพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินสาธารณะดังกล่าว เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2549เป็นการประกาศภายหลังจากที่บริษัทดำเนินการปิดกั้นเส้นทางไปแล้วตั้งแต่ปี 2546 จึงชัดเจนอยู่แล้วว่า การกระทำของบริษัทฯ เป็นการบุกรุกเข้าครอบครองที่ดินสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย นอกจากนั้นยังเป็นการออกกฎหมายยกเลิกเพิกถอนผลประโยชน์สาธารณะเพื่อประโยชน์ของเอกชนเพียงรายเดียวอีกด้วย

.

ที่สำคัญที่ดินนี้เป็นที่วะกัฟหรือที่ดินตามหลักศาสนาอิสลามที่ผู้เป็นเจ้าของเดิมได้อุทิศให้แก่พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้ศรัทธาชนทั่วไปใช้ประโยชน์ร่วมกัน ผู้หนึ่งผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์ครอบครองอีกต่อไป อีกทั้งไม่สามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยน โอน หรือเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้ การออกพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นการออกกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ทำให้ กลุ่มของข้าพเจ้า ประชาชนในพื้นที่ และศาสนิกชนผู้นับถือศาสนาอิสลามทั่วไป ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย" 

.

นางสุไรด๊ะห์ โต๊ะหลี ซึ่งเป็นตัวแทนยื่นหนังสือกล่าวว่า "เรื่องนี้เป็นปัญหามายาวนานหลายปีแล้ว พวกเราพยายาม ร้องเรียนเพื่อให้สำนักจุฬาราชมนตรี และคณะกรรมการอิสลามจังหวัดสงขลา ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการวินิจฉัย กรณีที่ดินวะกัฟ อันเป็นสาเหตุให้รัฐบาลทักษิณ นำไปกล่าวอ้าง ก่อนออกมาเป็นพระราชกฤษฎีกา ก็ไม่มีใครสนใจ แก้ไขปัญหา วันนี้ขณะที่นายกฯ เจรจาสอบถามปัญหา ปรากฏว่า นายอาศีส พิทักษ์คุมพล ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบกิจการศาสนา  

.

รวมทั้งเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการจัดงานวันนี้ ก็ยืนอยู่ข้างๆ นายกฯ นี่แหละ ก็ไม่สามารถชี้แจงแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคำวินิจฉัยกรณีที่ดินวะกัฟ ที่เป็นสาเหตุให้กฤษฎีกาฉบับนี้ออกมาได้ พวกเราจึงขอให้ท่านนายกฯ ดำเนินการขอทราบข้อเท็จจริงที่ผ่านกระบวนการสอบสวนที่ถูกต้อง จากสำนักจุฬาราชมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา เพื่อนำไปเป็นประกอบการวินิจฉัย ดำเนินการ ตามข้อเรียกร้องที่กล่าวมาแล้ว"

.

ส่วนหนังสือร้องเรียนฉบับที่สองนั้นระบุขอให้สั่งการให้มีการสอบสวนทั้งทางวินัยและทางกฎหมาย นายประสิทธ์ วิสุทธิ์จินดาภรณ์ นายอำเภอจะนะ ปลัดอำเภอ รวมถึงสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เนื่องจากร่วมมือกันใช้กลไกอำนาจรัฐในทางมิชอบ ข่มขู่คุกคามประชาชน หลายครั้งหลายหน สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน และก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ โดยเนื้อหาให้หนังสือร้องเรียน  

.

สรุปได้ว่า "นายประสิทธ์ วิสุทธิ์จินดาภรณ์ นายอำเภอจะนะ ร่วมกันกับบริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด และโรงไฟฟ้าจะนะ ข่มขู่คุกคาม นางเน๊าะ หัดยุมสา วัย 70 ปีเศษ อาศัยอยู่ ม.3 ต.ตลิ่งชัน อ.จะนะ จ.สงขลา ให้ยอมขายที่ดินให้กับบริษัทฯ สำหรับวางท่อก๊าซ โดยสั่งการให้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) พร้อมอาวุธปืน เข้ามาข่มขู่นางเน๊าะ หัดยุมสา และประชาชนที่รวมกลุ่มกันคัดค้านการวางท่อดังกล่าว ด้วยการแสดงอำนาจ ก้าวร้าว ข่มขู่ และมีผู้ใช้กำลังทำร้ายประชาชน เพื่อให้มีการวางท่อก๊าซให้ได้

.

จนในที่สุด เมื่อนางเน๊าะ หัดยุมสา ไม่ยอม ก็ใช้วิธีการเจาะลอดผ่านที่ดิน จนกระทั่งการวางท่อก๊าซแล้วเสร็จ ทั้งที่นางเน๊าะไม่ยินยอม ถือเป็นการร่วมกันละเมิดสิทธิ์ในที่ดิน โดยบริษัทฯ และนายอำเภอจะนะเอง

.

และล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2552 นายดุลมาลิค นิยมเดชา อายุ 17 ปี บ้านเลขที่ 76/1 ม.4 ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีความไม่พอใจต่อนายมาลิคและครอบครัวมาก่อน บังคับ จับกุม รุมซ้อมทำร้ายร่างกายจนนายดุลมาลิคได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวก็ใช้อาวุธปืนจี้นำตัวนายดุลมาลิคไปควบคุมขังไว้

.

จากนั้นจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ ใส่ความว่า เสพยาเสพติประเภท 5 (ใบกระท่อม) โดยผิดกฎหมาย ทั้งที่ในบริเวณที่เกิดเหตุไม่มีการตรวจหรือพบหลักฐานยาเสพติดใดๆ ทั้งสิ้น และนายดุลมาลิค เองก็มิได้เป็นผู้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแต่ประการใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็บังคับให้ลงชื่อรับสารภาพในบันทึกการจับกุม"

.

นายเอก นิยมเดชา บิดา นายดุลมาลิค ชี้แจงว่า พวกเราพยายามเรียกร้องให้นายประสิทธ์ วิสุทธิ์จินดาภรณ์ นายอำเภอจะนะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ทำผิด แต่นายอำเภอไม่ยอมให้พบแม้แต่ครั้งเดียว มีเพียงปลัดอำเภอที่ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ผิดจริง แล้วรับปากว่าจะลงโทษโดยเร็ว แต่จนถึงวันนี้แล้วยังคงนิ่งเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ตามที่ได้รับปากไว้ 

.

เป็นเรื่องที่ป่าเถื่อนมาก เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้กำลังทำร้ายประชาชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน สร้างความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐ เพื่อไม่ให้เรื่องราวลุกลามไปมากกว่านี้ พวกเราจึงมาร้องเรียนนายกฯ ให้หยุดการระราน หยุดสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน หยุดพฤติกรรมของคนพวกนี้ ต้องควบคุมให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างยุติธรรมโปร่งใส ตามนโยบายที่นายกฯ วางไว้

.
ที่มา : เว็บไซต์ประชาไท