เนื้อหาวันที่ : 2009-07-31 13:49:22 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1121 views

"โกร่ง" ห่วงศก. ครึ่งปีหลังยิ่งทรุดหนักเหตุนโยบายรัฐหวังผลทางการเมืองเป็นหลัก

ดร.โกร่ง ซัดรัฐบาลอภิประชานิยมไม่จริงใจ ให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจน้อยกว่าการเมือง อย่าหวังว่าเศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะฟื้นตัว ชี้ไทยกำลังเข้าสู่ภาวะเงินฝืด

นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีตรมว.คลัง

.

นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีตรมว.คลัง เชื่อว่า ปัญหาเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะหนักกว่าครึ่งปีแรก และจะหนักหนาต่อเนื่องไปถึงต้นปี 53  เนื่องจากมองว่าการแก้ปัญหาของรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจน้อยกว่าการเมือง โดยนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศออกมาใช้นั้นหวังผลทางการเมืองมากกว่าการหวังผลให้เกิดการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

.

"ผมขอสรุปว่า ครึ่งหลังปีนี้ อย่าถามเลยว่าเศรษฐกิจจะฟื้นหรือไม่ ถามว่าเศรษฐกิจถึงพื้นหรือยังดีกว่า ประเทศอื่นเศรษฐกิจอาจจะจบเร็วกว่าเรา เพราะปัญหาเขามีน้อยกว่า แต่ของเรามีทั้งปัญหาการเมืองภายในที่ยังหาทางออกไม่ได้ และเท่าที่ดูปัญหาน่าจะลึกลงไปเรื่อยๆ"นายวีรพงษ์ กล่าว

.

โดยสิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือ อัตราการนำเข้าของไทยที่ลดลงมากกว่าการส่งออก ซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจไทยยังทำงานได้ต่ำกว่าระดับความสามารถทางการผลิตจริงที่มีอยู่ พร้อมมองว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเดินเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ในขณะที่ด้านการเงินกำลังเดินเข้าสู่กับดักสภาพคล่องที่แม้จะมีสภาพคล่องสูงในระบบแต่ไม่มีใครกล้ามากู้ไปใช้ลงทุน 

.

นอกจากนี้ยังมองว่า การดำเนินนโยบายในหลายด้านของรัฐบาลยังขาดความชัดเจน ทั้งแผนการกู้เงินจำนวน 8 แสนล้านบาท, นโยบายการดูแลสินค้าเกษตร, นโยบายด้านการส่งออก                           

.

ขณะที่นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนนั้น การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ออกมาระบุว่าไม่สามารถดำเนินการอะไรได้กับการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเพราะส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเงินทุนไหลเข้านั้น นายวีรพงษ์ ยอมรับว่า การที่มีเงินทุนไหลเข้าถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ทั้งนี้จะต้องมีการบริหารจัดการที่ดีกับเงินทุนที่ไหลเข้ามาด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเงินบาทก็จะแข็งค่าขึ้นไปเรื่อยๆ และส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก 

.

"จริงๆ แล้วเงินไหลเข้ามากก็ดี แต่ต้องมีการจัดการที่ดี ไม่อย่างนั้นต้นปีบาทอ่อน ผู้นำเข้าเจ๊ง พอปลายปีบาทแข็ง ผู้ส่งออกเจ๊ง รวมแล้วก็เจ๊งกันทั้งปี" นายวีรพงษ์ ระบุ 

.

ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรจะดำเนินการคือ การให้น้ำหนักในการทำงานด้านเศรษฐกิจมากกว่าการเมือง แม้จะยอมรับว่าถ้าปัญหาการเมืองยังไม่เรียบร้อย อาจจะยากที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ประสบผลสำเร็จ แต่ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญกับงานเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมากกว่า 

.

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปี 53 ก็ยังเชื่อว่าจะหนักหนากว่าครึ่งหลังของปี 52 หากนโยบายการทำงานของรัฐบาลยังคงไม่มีความชัดเจนเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ดีหากมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ก็พร้อมที่จะปรับมุมมองทางเศรษฐกิจของตนใหม่