เนื้อหาวันที่ : 2009-07-30 14:41:45 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1382 views

ส่งภาษีมุมนํ้าเงินเข้าครม.เศรษฐกิจ

พรทิวา เตรียมเสนอมาตรการภาษีมุมน้ำเงินคืนภาษี 2-5% เข้า ครม. เศรษฐกิจสัปดาห์หน้า หวังช่วยผู้ส่งออก มั่นใจโครงการเหมือนยาแรงกระตุ้นส่งออกฟื้นได้

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

.

นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เตรียมนำเสนอมาตรการภาษีมุมน้ำเงินคืนภาษี 2-5% ช่วยเหลือผู้ส่งออกให้ ครม.เศรษฐกิจ พิจารณาในสัปดาห์หน้า แม้ที่ผ่านมากระทรวงการคลังจะออกข่าวอย่างไม่เป็นทางการว่าไม่สามารถอนุมัติคืนภาษีมุมน้ำเงินได้ก็ตาม เนื่องจากเห็นว่า เรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อการส่งออกและที่สำคัญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เคยสั่งไว้ก่อนหน้านี้ว่า ให้ ครม.เศรษฐกิจเป็นผู้ตัดสินว่าควรให้เดินหน้าต่อไปหรือไม่

.

"กระทรวงพาณิชย์จะส่งเรื่องให้ ครม. เศรษฐกิจพิจารณา พร้อมทั้งชี้แจงรายละเอียด ข้อดีของโครงการให้รับทราบ เนื่องจากมาตรการนี้เป็นเหมือนยาแรง ช่วยกระตุ้นการส่งออกให้ฟื้นกลับคืนมา และทำให้ภาคเอกชนแข่งขันส่งออกกันมากขึ้น เพราะหากส่งออกได้มากก็จะได้ลดภาษีมาก นอกจากนี้มาตรการภาษีมุมน้ำเงินก็มีหลักการคล้ายคลึงกับมาตรการลดภาษีวัตถุดิบ ช่วยธุรกิจอัญมณี ที่ ครม.เพิ่งอนุมัติเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีไปบ้าง แต่ก็สร้างประโยชน์ต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ทั้งการผลิต การจ้างงาน และยังช่วยรักษาตลาดการส่งออกด้วย"

.

ทั้งนี้หากมาตรการมุมน้ำเงินไม่ได้รับอนุมัติคาดว่า จะกระทบต่อเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ เพราะเดิมประเมินว่าการส่งออกทั้งปี 52 จะติดลบเกิน 20% แต่ถ้ามีการใช้ยาแรงและทำมาตร การเชิงรุกในช่วงที่เหลือ น่าจะทำให้การส่งออกติดลบน้อยลงเหลือลบ 10% ดังนั้นถ้ามาตรการนี้ไม่ผ่านการส่งออกคงติดลบมากกว่า 10% 

.

สำหรับมาตรการภาษีมุมน้ำเงิน เป็นการช่วยเหลือในการคืนภาษีวัตถุดิบการผลิตแก่ผู้ส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในอัตรา 3-5% ส่วนอุต สาหกรรมอื่น ๆ อีก 2%  

.

นางพรทิวากล่าวต่อว่ากระทรวงพาณิชย์ยังได้จัดโครงการไทยแลนด์ เบสต์ เฟรนด์ (ทีบีเอฟ) ระหว่าง 3-8 ส.ค. นี้ เพื่อเชิญคู่ค้ารายสำคัญจากต่างประเทศ 53 ราย ใน 24 ประเทศ ครอบคลุม 6 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ สินค้าประมงและปศุสัตว์ สินค้าเกษตร สินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าแฟชั่น สินค้าอุตสาหกรรมหนัก และธุรกิจ เข้ามากระชับความสัมพันธ์ทางการค้า และเยี่ยมชมโรงงานผลิตสินค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและขยายคำสั่งซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าในการจัดงานครั้งนี้จะทำให้มียอดสั่งซื้อจากบริษัทนี้เพิ่มขึ้น 10% ประมาณ 8,000 ล้านบาท หรือเพิ่มจากปกติ 80,000 ล้านบาท เป็น 88,000 ล้านบาท 

.

"โครงการนี้กระทรวงพาณิชย์จะจัดต่อเนื่อง 2 ปี โดยปีนี้เป็นโครงการนำร่อง แต่ปี 53 จะเป็นการจัดครั้งใหญ่ และขณะนี้มีนักธุรกิจหลายร้อยคนในหลายอุตสาหกรรม ตอบรับเข้ามาร่วมงานครั้งหน้าแล้ว ซึ่งคาดว่างานทีบีเอฟปี 53 จะมีคำสั่งซื้อจากปกติเพิ่มไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะมีการมอบสิทธิพิเศษในการเดินทางเข้าประเทศและการลงทุนในไทย"

.
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์