เนื้อหาวันที่ : 2009-07-23 09:05:49 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1343 views

เตือนต่างชาติฮุบพื้นที่การเกษตร

สภาหอการค้าไทย เผยขณะนี้กำลังเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคมพื้นที่เพาะปลูกพืชเกษตร ห่วงอนาคตการส่งออกสินค้าเกษตรไทยเกิดปัญหา หวั่นอาหรับสวมสิทธิส่งออก

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองเลขาธิการสภาหอการค้าไทย

.

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองเลขาธิการสภาหอการค้าไทย เปิดเผยในงานสัมมนา "จีเอสพี-บุฟเฟต์...เปิดลู่ทางการส่งออกในภูมิภาคยุโรป" ว่าขณะนี้กำลังเข้าสู่ยุคกระแสล่าอาณานิคมพื้นที่เพาะปลูกพืชเกษตร เพื่อใช้เป็นแหล่งผลิตอาหารให้กับประเทศตัวเองและใช้เพื่อการส่งออก โดยประเทศที่สั่งนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย ได้หันไปลงทุนปลูกธัญพืชในประเทศด้อยพัฒนาเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารมากขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติอาหารราคาแพงเหมือนปีที่ผ่านมา จึงมีความเป็นห่วงว่าการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยจะเกิดปัญหาในอนาคตได้

.

"ขณะนี้ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง สนใจลงทุนปลูกพืชยังประเทศด้อยพัฒนาเพิ่มมากขึ้นรวมถึงไทยและถ้าแนวคิดนี้ขยายออกไป จะส่งผลเสียต่อประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารของโลก เพราะจะถูกแย่งตลาดการส่งออกสินค้าเกษตรไปและล่าสุดเกาหลี มีนโยบายลงทุนปลูกธัญพืชในประเทศแถบแอฟริกา เช่น เคนยา เพื่อผลิตสินค้าข้าวส่งออก แต่ขณะเดียวกันเกาหลีไม่ยอมเปิดโอกาสให้ประเทศที่มีความตกลงทางการค้าเสรี รวมถึงไทยส่งออกข้าวเข้าไปในเกาหลี เพราะอ้างว่าเป็นสินค้าอ่อนไหว" 

.

ทั้งนี้แม้การกระทำการล่าอาณานิคมฯ จะไม่ผิดกติกาองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) แต่ถือเป็นการผิดจรรยาบรรณและมารยาทในการทำ เอฟทีเอ จึงอยากให้ทุกประเทศ ประณามการกระทำเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นแนวโน้มการล่าอาณานิคมในรูปแบบนี้จะเพิ่มขึ้น จนส่งผลเสียหายต่อประเทศผู้ส่งออกอาหาร โดยรัฐบาลไทยควรจะไปเจรจากับเกาหลีว่า ต้องการข้าวปีละเท่าไหร่ แทนที่จะลงทุนในประเทศแถบแอฟริกา เหตุใดถึงไม่ทำสัญญากับไทยว่าต้องการข้าวปริมาณเท่าไหร่ต่อปี โดยรัฐบาลไทยพร้อมที่จะกันสนับสนุนการส่งออกให้  เกาหลีอยู่แล้ว 

.

นางอัญชนา วิทยาธรรมธัช รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า มีความเป็นห่วงเรื่องการเข้ามาสวมสิทธิจีเอสพีในประเทศไทยจากประเทศที่ถูกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด   (เอดี) โดยเฉพาะจีนที่ถูกเก็บภาษีเอดีจากทั้งอียูและสหรัฐ ดังนั้นกรมฯจะจัดทำระบบออนไลน์ในการติดตามการใช้สิทธิป้องกันปัญหาสวมสิทธิ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ไทยถูกตัดสิทธิจีเอสพี หรือถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราสูง ซึ่งสินค้าที่กรมฯเฝ้าระวังจะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จีนถูกเรียกเก็บเอดี แต่ไทยได้รับสิทธิจีเอสพี เช่น ยานยนต์ รองเท้า สิ่งทอเป็นต้น 

.

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าต้องการให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเข้ามาใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ในการส่งออกไปประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เอง โดยเฉพาะการให้สิทธิจีเอสพีของกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ รวมถึงตลาดรัสเซียและประเทศในกลุ่มซีไอเอส ซึ่งมีประชากรรวมกัน 730 ล้านคน จึงเชื่อว่าการเข้ามาใช้ประ โยชน์จีเอสพีเพิ่มขึ้น จะทำให้การส่งออกไปตลาดอียูโตเพิ่มขึ้นอีก 5-10% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดภูมิภาคยุโรปอยู่ที่ 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

.
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์