เนื้อหาวันที่ : 2009-07-22 14:00:55 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1078 views

คลัง เผยสิ้นเดือน มิ.ย. 52 มีเงินคงคลังสูงกว่า 2.1 แสนลบ.

โฆษก ก.คลัง เผย ณ สิ้นเดือน มิ.ย.52 รัฐบาลมีเงินคงคลังจำนวน 215,343 ล้านบาท ชี้เป็นระดับสูงสุดทำให้ฐานะการคลังของรัฐมั่นคง คุยโวเป็นผลจากภาครัฐอัดฉีดเงินใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

.

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือน มิ.ย.52 รัฐบาลมีเงินคงคลังจำนวน 215,343 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงและมั่นคงต่อฐานะการคลังของรัฐบาล

.

"สถานะดังกล่าวสะท้อนถึงความสำเร็จของการใช้จ่ายของภาครัฐในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและลดการชะลอตัวของภาคเศรษฐกิจในสาขาต่างๆ โดยรัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลเงินสดด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลัง รวมทั้งใช้เงินคงคลังบางส่วน" นายสมชัย กล่าว 

.

ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือน มิ.ย.52 รัฐบาลเกินดุลเงินงบประมาณจำนวน 112,952 ล้านบาท เนื่องจากรายได้นำส่งคลังที่เพิ่มขึ้นมากจากภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่เหลื่อมมาจากเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลยังต้องมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากภาคเอกชนยังอ่อนแอ 

.

รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 252,450 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน 44,370 ล้านบาท เนื่องจากการนำส่งรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจากผลกำไรสุทธิรอบสิ้นระยะเวลาบัญชีปี 2551 ที่เหลื่อมมาจากเดือนที่แล้วค่อนข้างมาก ประกอบกับการนำส่งรายได้จากภาษีน้ำมันฯ ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำมันตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 139,498 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อน 3,700 ล้านบาท 

.

"จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้นส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนมิถุนายน 2552 เกินดุล 112,952 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 8,827 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจาการไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง ทำให้รัฐบาลเกินดุลเงินสดจำนวน 104,125 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อการชดเชยการขาดดุลโดยออกพันธบัตรจำนวน 9,500 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสด(หลังกู้ชดเชยการขาดดุล) เกินดุลจำนวน 113,625 ล้านบาท" นายสมชัย ระบุในเอกสารเผยแพร่ 

.

สำหรับช่วง 9 เดือนแรก(ต.ค.51-มิ.ย.52)ของปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณทั้งสิ้น 386,623 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 9,876 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 376,747 ล้านบาท คิดเป็น 4.3% ของ GDP 

.

รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,027,344 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 104,516 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.2% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมหลักที่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และอากรขาเข้า นอกจากนั้นการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจก็ลดลงเช่นเดียวกัน ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 1,413,967 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 193,885 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.9% 

.

ขณะที่ดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ขาดดุล 376,747 ล้านบาท โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 386,623 ล้านบาท ส่วนดุลเงินนอกงบประมาณเกินดุลจำนวน 9,876 ล้านบาท ทั้งนี้รัฐบาลได้บริหารเงินสดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงิน รวมทั้งเพื่อเป็นการประหยัดภาระดอกเบี้ย จึงได้ชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลังรวม 363,030 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 13,717 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน มิ.ย.52 มีจำนวน 215,343 ล้านบาท