นาย ปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา (ที่ 2 จากซ้าย) รองประธานคณะกรรมการ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เป็นประธาน ในพิธีการเปลี่ยนชื่อบริษัท และตราสัญลักษณ์ IRPC ร่วมกับ ดร. ปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากขวา), ดร. ปรัชญา ภิญญาวัธน์ กรรมการ (ที่ 1 จากขวา) และนาย สุพล ทับทิมจรูญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ที่ 1 จากซ้าย)  บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) โดยมี นาย วิจิตร สุพินิจ (กลาง) ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เกียรติร่วมพิธี ณ โถงนิทรรศการ ชั้น 1 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) สร้างภาพลักษณ์ใหม่ เรียกความเชื่อมั่นต่อสถาบันการเงิน นักลงทุน ผู้ถือหุ้น หลังประสบความสำเร็จพ้นจากแผนฟื้นฟูฯ จนฐานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่ “IRPC” แทน TPI  วางแผนเดินสายโรดโชว์สร้างความเข้าใจกับกองทุน และสถาบันการเงินต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในอีก 3 -5 ปีหน้ากว่า 1,000-1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ

ดร. ปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) ผู้นำในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และการกลั่นครบวงจรของประเทศ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ถือหุ้น นักลงทุน สถาบันการเงิน พันธมิตร คู่ค้าพนักงาน ตลอดจนสร้างการรับรู้ในหมู่ประชาชนทั่วไป ภายหลังจากที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ และศาลล้มละลายได้มีคำสั่งให้ออกจากการฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2549  ภายใต้การบริหารแผนฟื้นฟูกิจการโดยตัวแทนของกระทรวงการคลัง ซึ่งมีการจัดโครงสร้างหนี้ และทุนอย่างเหมาะสม ประกอบกับความร่วมแรงร่วมใจของพนักงานในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และให้การสนับสนุนจากผู้บริหารแผนเป็นอย่างดี ตลอดจนความสามารถในการบริหารจัดการของผู้บริหารชุดใหม่ ส่งผลให้ฐานะการเงินของบริษัทในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ 

และเพื่อสร้างความชัดเจนในด้านการบริหารจัดการ ตลอดจนโอกาสของการลงทุนในอนาคตที่เปิดกว้างขึ้น ผู้ถือหุ้นจึงได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ดำเนินการเปลี่ยนชื่อบริษัทฯใหม่ จากเดิมที่ใช้ชื่อ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) เป็น “บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)” และเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จาก TPI เป็น IRPC ให้สอดคล้องกับชื่อบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ จะได้ดำเนินการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจในภาพลักษณ์ใหม่ขององค์กร (Rebranding) ในโอกาสต่อไป

ขณะเดียวกัน คณะผู้บริหารของบริษัทฯ ก็ได้เดินทางไปนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน และสถาบันการเงินต่างประเทศ อาทิประเทศอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนและสถาบันการเงินต่างชาติเป็นอย่างดี และได้คลายข้อกังวลใจต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับบริษัทในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ  ดังนั้นบริษัทจึงได้วางแผนที่จะไปนำเสนอข้อมูล เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจถึงสถานภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของบริษัท  ในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

การที่บริษัทประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และการกลั่น ซึ่งจัดอยู่ในอุตสาหกรรมหลักที่มีความสำคัญของประเทศ การที่สถานภาพของบริษัท มีการปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นกับบริษัทในวันนี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อ ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนเท่านั้น ยังจะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจของประเทศชาติในภาพรวมอีกด้วย ดร.ปิติ กล่าว

ดร.ปิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของแผนการลงทุนใหม่ใน อีก 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทฯ มีแผนใช้เงินลงทุนประมาณ  1,000-1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ  เพื่อลงทุนใน 3 โครงการหลัก ประกอบด้วย โครงการลงทุนโรงไฟฟ้าขนาด 200 เมกกะวัตต์ วงเงินลงทุนประมาณ 200 – 250 ล้านเหรียญสหรัฐ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นน้ำมัน วงเงินลงทุนประมาณ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการลงทุนขุดลอกท่าเรือ วงเงินลงทุนประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ  ซึ่งโครงการต่างๆ เหล่านี้จะก่อให้เกิดรายได้ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท อย่างมากในอนาคต