เนื้อหาวันที่ : 2009-07-14 10:28:24 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2133 views

ฟอร์ด-มาสด้า เปิดโรงงานผลิตรถยนต์นั่งแห่งใหม่ มูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านบาท

ฉลองเปิดโรงงานผลิตรถยนต์นั่งของฟอร์ดและมาสด้าแห่งใหม่ ที่ เอเอที ระยอง พร้อมเปิดสายการผลิตเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อผลิตมาสด้า2 และฟอร์ด เฟียสต้า ป้อนตลาดในประเทศและส่งออก

.

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และมาสด้า คอร์ปอเรชั่น ฉลองเปิดโรงงานผลิตรถยนต์นั่งของฟอร์ดและมาสด้าแห่งใหม่มูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 17,000 ล้านบาทอย่างเป็นทางการที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ เอเอที จังหวัดระยอง

.

ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างฟอร์ดและมาสด้า การเปิดโรงงานแห่งใหม่เป็นผลสำเร็จจากการขยายการลงทุนในศูนย์การผลิตรถยนต์ระดับโลกของสองบริษัทยานยนต์ชั้นนำของโลกซึ่งได้ประกาศโครงการลงทุนนี้เมื่อ ปี 2550

.

ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีเปิดโรงงงานรถยนต์นั่งเอเอที โดยมี ฯพณฯ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นายเอริค จี. จอห์น ฯพณฯ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายเคียวจิ โคะมะจิ รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของฟอร์ด มาสด้า และเอเอที ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการ ณ โรงงานเอเอที ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง         

.

โรงงานรถยนต์นั่งแห่งใหม่ที่เสร็จสมบูรณ์นี้ จะเพิ่มการผลิตรถยนต์ของเอเอทีเป็น 275,000 คันต่อปี โรงงานนี้จะผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กมาสด้า2 และฟอร์ด เฟียสต้า เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และแอฟริกาใต้ ปัจจุบัน เอเอทีผลิตรถกระบะฟอร์ดและมาสด้าเพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก

.

นายเดวิด อัลเดน ประธานฟอร์ด อาเซียน เปิดเผยว่า "การลงทุนก่อสร้างโรงงานเอเอทีแห่งใหม่ที่เสร็จสมบูรณ์ ตอกย้ำถึงความสำคัญของเอเอทีต่อการดำเนินงานของเราในภูมิภาคนี้ และมีบทบาทเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในฐานะศูนย์กลางการผลิตและส่งออกระดับโลก ทั้งนี้ ภูมิภาคอาเซียนเป็นตลาดที่มีความสำคัญต่อกลยุทธ์การเติบโตของฟอร์ดในเอเชีย การที่เอเอทีสามารถผลิตรถได้หลากหลายประเภทมากขึ้น
จะเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตของธุรกิจของเรา"

.

การลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานเอเอทีนี้ ทำให้มูลค่าการลงทุนรวมของฟอร์ดและมาสด้านับตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา มีมูลค่ารวมถึงกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 51,000 ล้านบาท

.

นายมาซาฮารุ ยามากิ รองประธานบริหาร มาสด้า คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "โรงงานผลิตรถยนต์นั่งแห่งใหม่ของเอเอทีจะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญตามกลยุทธ์การขยายธุรกิจของมาสด้าทั่วโลก โรงงานแห่งนี้จะใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีความยืดหยุ่นสูงที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งจะทำให้เราสามารถผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพระดับโลก และโดดเด่นด้วยมาตฐานความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม"     

.

"โรงงานเอเอทีเป็นตัวอย่างที่สำคัญของความสำเร็จ ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างพนักงานมาสด้า ฟอร์ด และเอเอทีที่ได้ทุ่มเทเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน ผมมั่นใจว่าการทำงานร่วมกันเป็นทีมที่แข็งแกร่งจะทำให้เราฝ่าฟันอุปสรรคความท้าทายต่างๆ และนำพาเราไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจได้ต่อไป" นายยามากิกล่าวเสริม

.

โรงงานแห่งใหม่นี้ติดตั้งระบบการผลิตรถยนต์นั่งที่มีความยืดหยุ่นสูงโดยใช้เทคโนโลยีที่มีระบบและกระบวนการผลิตรถยนต์อัตโนมัติ รวมถึงมีสายการขึ้นรูปตัวถัง การประกอบรถยนต์ขั้นสุดท้าย รวมทั้งการเพิ่มพื้นที่คลังอะไหล่เพื่อรองรับปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนมีการก่อสร้างห้องอาหารใหม่สำหรับพนักงานอีกด้วย

.

โรงพ่นสีที่เสร็จสมบูรณ์จะสามารถรองรับการพ่นสีได้ทั้งรถกระบะและรถยนต์นั่ง ด้วยเทคโนโลยีการพ่นสีแบบซ้อนทับ 3 ชั้นแล้วอบสีเพียงครั้งเดียว (Three Layer Wet Paint System) ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีคุณภาพระดับโลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดปริมาณสารอินทรีย์ไอระเหยและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมทั้งของเสียจากการผลิตได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็ให้คุณภาพสีที่ดียิ่งขึ้นด้วย         

.

นายคิโยทากะ โชบุดะ ประธานบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ความสำเร็จของโรงงานผลิตรถยนต์นั่งแห่งใหม่ของเอเอที คือความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฟอร์ด มาสด้า รัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และพนักงานของเอเอทีที่ทุ่มเททุกคน"

.

เอเอทีเป็นหนึ่งในศูนย์การผลิตรถยนต์ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพระดับโลกในภูมิภาคอาเซียน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะผลิตรถยนต์ระดับโลกที่เป็นเลิศทั้งคุณภาพ มาตรฐาน และกระบวนการผลิต

.

"รถยนต์นั่งคุณภาพระดับโลกที่เราจะผลิตขึ้นนี้ จะยิ่งตอกย้ำบทบาทสำคัญของเอเอทีทั้งต่อกลยุทธ์ระดับโลกของฟอร์ดและมาสด้า การสนับสนุนการขยายตัวและความเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย รวมทั้งความสำคัญของเอเอทีในภูมิภาคอาเซียนในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของโลกในภูมิภาคอาเซียน" นายโชบุดะกล่าวสรุป

.
หมายเหตุ:

ฟอร์ดและมาสด้าได้ประกาศร่วมกันเมื่อปี 2538 ที่จะให้ประเทศไทยเป็นฐานใหญ่ในการลงทุนของทั้งสองบริษัท เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งได้เริ่มก่อสร้างโรงงานเอเอทีเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

.

หลังจากได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในปีเดียวกัน เอเอทีก็ได้ลงทุนกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 17,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย โรงงานเอเอที ประกอบด้วยขั้นตอนการผลิตต่างๆ ตั้งแต่ การขึ้นรูปรถยนต์ การประกอบตัวถัง การพ่นสี การประกอบเครื่องยนต์ การประกอบรถยนต์ขั้นสุดท้าย นอกจากนี้ยังมีบริเวณบรรจุชิ้นส่วนรถยนต์ (CKD) โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ 529 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ในจังหวัดระยอง        

.

นอกจากความสำเร็จด้านการผลิตแล้ว เอเอทีและพนักงานของบริษัท ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนรอบๆ โรงงาน จัดกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ อาทิ การบริจาคและสนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการศึกษา การร่วมเป็นอาสาสมัครในกิจกรรมบรรเทาสาธารณภัย และกิจกรรมรักษาสิ่งแวดล้อม