"เฌอรี่" นับเป็นค่ายรถยนต์จากแดนมังกรรายแรกที่เปิดตัวในตลาดใหญ่ (mass) อย่างหวือหวา ด้วยการมุ่งทำตลาดรถยนต์นั่ง ทั้งที่ต้องแบกภาษีนำเข้าสำหรับรถยนต์ประกอบสำเร็จรูป หรือ ซีบียู ที่ทำให้ราคาค่าตัวต้องกระโดดขึ้นไปเท่าตัว

รถยนต์จากเมืองจีนนั้นไม่ได้รับการลดหย่อนภาษีศุลกากรนำเข้าเหมือนกับรถในอาเซียนด้วยกัน ที่มีแต้มต่อเป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามกรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟตา บวกกับความยากของตลาดปราบเซียนอย่างเมืองไทย ที่แบรนด์ดังมากมายต้องหงายหลังหรือไม่ก็เก็บกระเป๋ากลับบ้านไปก็มี เรียกได้ว่าวัดฝีมือของคนทำการตลาดรถแบรนด์ดังจากเมืองจีนอย่างมาก

"กรุงเทพธุรกิจ" สัมภาษณ์ "ดำรง ดำรงกุลวัฒน์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเฌอรี่ยานยนต์ จำกัด ผู้ทำตลาดรถยนต์เฌอรี่ในไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการร่วมทุนกันระหว่างกลุ่มไทยยานยนต์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี กรุ๊ป ถึงความท้าทายในการสร้างแบรนด์เฌอรี่ในเมืองไทย รวมทั้งแผนธุรกิจและแนวทางการขยายการลงทุนของเฌอรี่ในอนาคต และการบ้านข้อที่ยาก ก็คือ การเปลี่ยนการรับรู้ในตัวแบรนด์สินค้าจีนที่มีในผู้บริโภคคนไทย

ดำรง กล่าวว่า บริษัทมีแผนทำการตลาดร่วมกับซีพีด้วยการใช้สื่อในเครือ ได้แก่ ทรูวิชั่นส์ ทรู มิวสิค ทรูมูฟ และ เซเว่น แค็ตตาล็อก เป็นต้น โดยมี "นพดล เจียรวนนท์" รองประธานเครืออุตสาหกรรมยานยนต์และกิจการการเงิน ซีพี เป็นผู้ประสานให้ทีมการตลาดของทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยและทำงานร่วมกัน และช่วยลดอุปสรรคในการทำงานเพื่อดึงจุดแข็งของทั้งคู่ออกมาเพื่อผลักดันยอดขายรถเฌอรี่ในเมืองไทย

ไทยเฌอรี่ยานยนต์ มีความพยายามที่จะบอกกับผู้บริโภคชาวไทยให้ทราบถึงคุณภาพของสินค้ารถยนต์เฌอรี่ ที่ถูกขนานนามว่าเป็นโตโยต้าแห่งเมืองจีน ด้วยการตลาดเชิงประสบการณ์ (Experience Marketing) โรดโชว์และจัดกิจกรรมตรงไปยังกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในกลุ่มพนักงานบริษัทและกลุ่มครอบครัว  

อาทิเช่น การไปออกบูธในอาคารซีพี ทาวเวอร์ ย่านสีลม หรือการจัดกิจกรรมในห้างค้าปลีกเทสโก้ โดยจะมีพนักงานขายให้ข้อมูลสินค้าและนำเสนอแคมเปญทางการเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรอย่างทิสโก้และธนชาต และบริษัทได้เตรียมรถไว้ให้ทดลองขับด้วย

นอกจากนั้น "เฌอรี่" มีแผนที่จะใช้กลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง (Music Marketing) ผ่านสื่อในเครือทรู ซึ่งมีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อและคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะแฟนคลับของศิลปินจากค่ายอะคาเดมี แฟนเทเชีย หรือ เอเอฟ 

เดิมทีไทยเฌอรี่ยานยนต์จะเข้าให้ทันเอเอฟ ซีซั่นส์นี้ แต่เมื่อไม่ทันก็ปรับแผนใหม่โดยเตรียมที่จะใช้วิธีไทอิน (Tie-in) รถยนต์เฌอรี่ในกิจกรรมที่ไม่ขัดกับสัญญาที่ทำไว้กับสปอนเซอร์รายการซึ่งเป็นรถยนต์ที่จะมอบให้กับเดอะ วินเนอร์ เช่น ใช้ประกอบในมิวสิค วีดิโอของศิลปินเอเอฟ 6 หลังจากออกมาจากบ้านแล้ว

ดำรง กล่าวว่า จุดแข็งของกลุ่มไทยยานยนต์กรุ๊ปในธุรกิจยานยนต์นั้นชัดเจน จากประสบการณ์ในการจำหน่ายรถยนต์โฟล์คสวาเก้น บีเอ็มดับเบิลยู ฟอร์ด และ มาสด้า และยังมีโรงงานที่เคยใช้ประกอบรถบีเอ็มดับเบิลยูในนามของเครือยนตรกิจอีกด้วย และปัจจุบันก็ยังใช้ในการปรับปรุงสเปครถยนต์เฌอรี่ที่นำเข้ามา ให้เหมาะสมกับตลาดเมืองไทยด้วย เช่น เปลี่ยนล้อให้ใหญ่ขึ้น เพิ่มคุณภาพเครื่องเสียง เป็นต้น

ในส่วน ซีพี กรุ๊ป ก็มีประสบการณ์จากการผลิตรถจักรยานยนต์ในเมืองจีนแบรนด์ต้าหยางและต้าวิ่น อีกทั้งเมื่อกว่า 20 ปีก่อนก็เคยนำรถบรรทุกจีนเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยด้วย และฝีมือในธุรกิจโลจิสติกส์และบริการซัพพลายเชนของซีพีเอฟและซีพีออลล์ก็มีประสิทธิภาพสูง "วันนี้บริษัทโยนเงินลงไป 200 ล้านบาท คงไม่เลิกง่ายๆ โดยเฉพาะในธุรกิจยานยนต์ที่เราทำมากว่า 50 ปี" ดำรง กล่าว

เฌอรี่ มีแผนจะแนะนำรถยนต์ใหม่อีกหลายรุ่น โดยเฉพาะกลุ่ม มินิ เอ็มพีวี และรถเก๋งขนาดเล็ก แม้ว่าในอนาคตจะมีคู่แข่งออกมามาก ทั้งมาสด้า 2 และฟอร์ด เฟียสต้า ประกอบกับเจ้าตลาดเดิมอย่างฮอนด้า ซิตี้ และ แจ๊ซ หรือโตโยต้า วีออส และ ยาริส ก็มีความแข็งแกร่งอย่างมากในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ เฌอรี่ ค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถเจาะตลาดได้นั้น ก็คือ รถญี่ปุ่นแบรนด์ดังๆ เหล่านี้ ยังไม่สามารถทำราคาที่จูงใจได้เหมือนรถของเฌอรี่