เนื้อหาวันที่ : 2009-06-29 15:32:12 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1367 views

เอสซี แอสเสทฯ เดินหน้าครึ่งปีหลัง เปิด 7 โครงการ มูลค่ารวม 6,000 ลบ.

เอสซี แอสเสทฯ ชี้แม้การฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจน แต่แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสฟื้นตัว วางกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เปิดตัวอีก 7 โครงการใหม่ ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม

เอสซี แอสเสทฯ ชี้แม้การฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจน แต่แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสฟื้นตัว วิเคราะห์ปัจจัยบวกจากความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีต่อเนื่อง วางกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง 2552 บริหารทุน ที่ดิน รายได้ และทำเล ให้สอดรับกับสถานการณ์  เดินหน้าตามแผนเปิดตัวอีก 7 โครงการใหม่ ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท

.

ร.อ. กรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

.

ร.อ. กรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ยังเป็นไปตามแผนธุรกิจ ซึ่งจะเน้นการพัฒนาทั้งแนวราบและแนวสูง รวมทั้งสิ้น 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,500 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ โครงการทาวน์โฮมและโฮม-ออฟฟิศ 3 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ โดย

.

ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้นระดับพรีเมี่ยม  "แกรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด รัชดา - รามอินทรา"  โครงการใหม่ทำเลถนนรัชดา - รามอินทรา  ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 16 ไร่ มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ราคาขายยูนิตละ 15-25 ล้านบาท สไตล์  Modern Luxury Resort   บนสังคมความเป็นส่วนตัวเพียง 39 ยูนิต 

.

มีให้เลือก 2 ดีไซน์ใหม่ ได้แก่ แบบบ้าน Silver Volga โอ่อ่า หรูหรา บนเนื้อที่ 110 ตร.วา  และ  แบบบ้าน Blue Connery สวยหรู ทันสมัย บนเนื้อที่ 81 ตร.วา  และ โครงการออฟฟิศ เพลส ประชาชื่น จำนวน 8 ยูนิต มูลค่าโครงการ 60 ล้านบาท

.

อย่างไรก็ดี สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552  บริษัทจำเป็นต้องมีการบริหารงานที่ระมัดระวังมากขึ้น  โดยเฉพาะการบริหารทุน ที่ดิน รายได้ และทำเล ตลอดจนการหาตลาดใหม่ ๆ ทั้งนี้เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่ถึงกับรุนแรงเหมือนช่วงวิกฤติปี 2540 เพราะผู้ประกอบการต่างก็มีบทเรียนจากในอดีต ทำให้สามารถปรับยุทธศาสตร์ได้อย่างคล่องตัวตามสถานการณ์ และสามารถวางแผนได้ล่วงหน้าแม้ว่าต้นทุนวัสดุก่อสร้างและราคาน้ำมันมีการปรับราคาสูงขึ้นก็ตาม 

.

ดังนั้น  จึงเดินเครื่องตามแผนงาน ที่วางไว้ โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 7 โครงการ  มูลค่าโครงการรวม 6,000 ล้านบาท โดยพร้อมทยอยนำแบบบ้านซีรีส์ใหม่ 2009 เปิดตัวในไตรมาส  3 มีทั้งโครงการบ้านเดี่ยว  ทาวน์โฮม  และโฮมออฟฟิศ จำนวน 3-4 โครงการ  บริเวณทำเลรัชดา-รามอินทรา , เกษตรนวมินทร์ และ สาทร-ราชพฤกษ์ 

.

อย่างไรก็ดี แผนการพัฒนาโครงการของบริษัทฯแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยโครงการที่พักอาศัยยังคงให้น้ำหนักไปที่บ้านเดี่ยว  ทาวน์โฮม-โฮมออฟฟิศ  และคอนโดมิเนียม  คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้จากการดำเนินงาน  ประกอบด้วย  บ้านเดี่ยว ระดับราคา 4 – 25 ล้านบาท  ทาวน์โฮม ระดับราคา  2 - 7 ล้านบาท

.

คอนโดมิเนียม  ระดับราคา 2 - 7 ล้านบาท และ ส่วนที่ 2 ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า (Office Building)  คิดเป็นสัดส่วน 20 % ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการทำ CRM ในการสร้างความสำพันธ์ที่ดีต่อกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้บริษัทฯ มีความแตกต่างและมีคุณภาพที่ดี เป็นที่ต้องการและยอมรับของผู้บริโภคต่อไป

.

สำหรับภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ถือว่ามีสัญญาณในเชิงบวก เช่น การลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในฝั่งของผู้ซื้อและผู้ประกอบการ ที่จะทำให้ต้นทุนลดลงและเพิ่มกำลังซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น  ขณะเดียวกันบริษัทฯต้องหันมาให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุน การวิจัยตลาด ก่อนตัดสินใจลงทุนเพื่อเจาะให้ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 

.

และหากลยุทธ์  ส่งเสริมการตลาดและกลยุทธ์การขายใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค และจากปัจจัยภายนอกดังกล่าวข้างต้น บริษัท ฯ จึงได้มีการวางกลยุทธ์ในการดำเนินงาน เพื่อให้รองรับการปรับเปลี่ยนของสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เปลี่ยนไป