เนื้อหาวันที่ : 2009-06-26 11:58:39 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1127 views

คลังยํ้าเศรษฐกิจปีนี้ติดลบถึง3%

คลัง ออกอาการไม่ปลื้มต้องปรับตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจปี 52 ใหม่ติดลบ 3% เหตุสัญญาณเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวยังไม่ชัดเจนและเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอ จากการลงทุนและการบริโภคเอกชนยังไม่ฟื้น

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส โฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)

.

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส โฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 52 ใหม่ โดยคาดว่าทั้งปีติดลบ 3% จากช่วงคาดการณ์ลบ 2.5-3.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณการไว้ในเดือนมี.ค.ที่ลบ 2.5% เนื่องจากยังมีปัจจัยลบต่อเนื่อง โดยเฉพาะความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจนและเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอ จากการลงทุนและการบริโภคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัว   

.

 รวมทั้งการส่งออกเดือนพ.ค.ที่ติดลบ 26.6% และทั้งปีคาดว่าจะติดลบ 20.2% ขณะที่การนำเข้ายังหดตัวมาก สะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนยังไม่ฟื้นตัว และทั้งปีคาดว่าติดลบ 31.7% ส่งผลให้เกินดุล การค้า 23,600 ล้านดอลลาร์ ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงจากราคาน้ำมันด้วย

.

แต่ทั้งนี้ยังเริ่มมีสัญญาณบวกจากเครื่องชี้วัดบางตัวดีขึ้น หลังจากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 และเร่งเบิกจ่ายงบกลางปีออกไป ทำให้ช่วยพยุงเศรษฐกิจไว้ได้ในระดับหนึ่ง ส่งผลทำให้ตัวเลขการว่างงานดีขึ้นจาก 3.8% เหลือ 2.5% ส่วนเงินเฟ้อเหลือ 0% ซึ่งปัจจัยบวก คือรายจ่ายภาครัฐ ที่เร่งเบิกจ่ายผ่านมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจต่าง ๆ ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

.

และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วจากไตรมาสแรกที่จีดีพีติดลบ 7.1% โดยคาดว่าไตรมาส 2 นี้จีดีพีจะติดลบ 4-5% ไตรมาส 3 จีดีพีติดลบ 3-4% และไตรมาสสุดท้ายกลับมาเป็นบวก 2.3% ได้ แต่ทั้งนี้ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ รัฐบาลต้องเดินหน้านโยบายการคลังอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และใช้เงินกู้จากแผนไทยเข้มแข็งให้ได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้

.

"ทั้งนี้หากมีการผลักดันนโยบายการเงินมาใช้ควบคู่กัน รวม ถึงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนด้วย น่าจะทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านสินเชื่อ ซึ่งเห็นว่ายังมีช่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บริหาร จัดการได้ โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงทุก 1 บาทจะมีผลต่อจีดีพีถึง 0.3% ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายเปลี่ยนแปลงทุก 1% มีผลแค่ 0.04% เท่านั้น จึงเชื่อว่าธปท.คงจะไม่ลดดอกเบี้ยลง และทั้งปีดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 1.25% หรืออย่างมากคงลดได้อีก 0.25% เท่านั้น"

.

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ประเมินว่าการส่งออกของไทยในปี 52 นี้ จะมีมูลค่าการส่งออก 146,331 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 17.7% บนสมมุติฐานเศรษฐกิจโลกติดลบ 1.3% ทำให้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐ ติดลบ 2.5% ยุโรป ติดลบ 4.2% ญี่ปุ่น ติดลบ 6.2% และ  อาเซียนไม่ขยายตัว ขณะที่การค้าโลกจะติดลบ 11% เงินบาททั้งปี 34.4 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมันดิบ 63 เหรียญต่อบาร์เรล 

.

"หากมูลค่าการส่งออกปีนี้ติดลบ 17.7% ถือเป็นการติดลบสูงสุดในประวัติการณ์ เพราะหดตัวรุนแรงกว่าวิกฤติต้มยำกุ้งปี 41 ที่มูลค่าการส่งออกทั้งปีติดลบ 6.8% หรือวิกฤติเศรษฐกิจดอทคอมปี 44 ที่ส่งออกติดลบ 6.6% นับเป็นการส่งออกที่แย่กว่าวิกฤติเศรษฐกิจทั้ง 2 ครั้ง ถึง 3 เท่า ซึ่งการส่งออกของไทยในเดือนมิ.ย.และก.ค. จะยังคงติดลบต่อเนื่อง

.

การที่จะทำให้ไม่ติดลมากไปกว่า นี้ ภาครัฐต้องช่วยอำนวยความสะดวกด้านการ ขนส่งเพื่อการส่งออกและนำเข้าให้กับเอกชน ช่วยเรื่องของกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก ขณะที่เอกชนเองก็ต้องลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด"

.
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์