เนื้อหาวันที่ : 2009-06-25 11:31:48 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1172 views

สังศิต ติงรัฐบาลต้องหนักแน่นชี้เบรกแผนฟื้นฟูการรถไฟเท่ากับปิดประตูพัฒนารัฐวิสาหกิจ

รศ.ดร.สังศิต ติงรัฐชะลอแผนฟื้นฟูการรถไฟไม่ใช่แนวทางการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ซ้ำร้ายจะกลายเป็นบรรทัดฐานให้กับรัฐวิสาหกิจอื่นๆ เอาเยี่ยงอย่าง ปิดประตูตายพัฒนารัฐวิสาหกิจ ชี้รัฐบาลต้องหนักแน่น

รศ.ดร.สังศิต ติงรัฐชะลอแผนฟื้นฟูการรถไฟไม่ใช่แนวทางการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ซ้ำร้ายจะกลายเป็นบรรทัดฐานให้กับรัฐวิสาหกิจอื่นๆ เอาเยี่ยงอย่าง ปิดประตูตายพัฒนารัฐวิสาหกิจ ชี้รัฐบาลต้องหนักแน่น ชูตั้งองค์กรกลางกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ พร้อมวอนทุกพรรคการเมืองต้องช่วยกัน 

.

รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์

.

รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานและผู้อำนวยการโครงการปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาธรรมาภิบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม กล่าวว่า การที่รัฐบาลยอมชะลอแผนปฏิบัติการเพื่อปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ออกไปอย่างไม่มีกำหนดนั้น ไม่ใช่แนวทางการแก้ปัญหาที่ตรงจุด และจะกลายเป็นบรรทัดฐานให้กับรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ปฏิบัติตาม ซึ่งจะส่งผลกระทบในระยะยาว ไม่ก่อให้เกิดการพัฒนารัฐวิสาหกิจที่ยั่งยืน ดังนั้นรัฐบาลจะต้องมีจุดยืนในเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ

.

"การแก้ปัญหาหยุดเดินรถของพนักงาน ร.ฟ.ท. โดยที่รัฐบาลชะลอแผนฟื้นฟูการรถไฟฯ เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ซ้ำจะทำให้รัฐวิสาหกิจอื่นๆ จะทำตามหากไม่พอใจ หรือไม่เห็นด้วย ซึ่งเรื่องนี้น่าจะถามความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนที่ใช้บริการมากกว่าเพียงความคิดเห็นของคนเพียงกลุ่มเดียว" รศ.ดร.สังศิต กล่าว

.

อย่างไรก็ตามการพัฒนารัฐวิสหากิจไม่จำเป็นจะต้องดำเนินการไปในแนวทางการแปรรูปเพียงอย่างเดียวอย่างที่คนบางกลุ่มวิตกกังวลว่าจะเป็นการขายสมบัติของชาติให้กับเอกชน กรณีแผนฟื้นฟูกิจการ ร.ฟ.ท. เห็นได้ชัดเจนซึ่งมีหลักการเพียงแค่เป็นการแยกกิจการออกมาเพื่อการบริหารที่ดีขึ้น ไม่ได้มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทั้ง 3 กิจการนั้น ร.ฟ.ท.ยังดูแลอยู่เพียงแต่แยกการบริหารจัดการออกจากกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารงาน

.

ประธานและผู้อำนวยการโครงการปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาธรรมาภิบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม กล่าวต่อว่า สำหรับการพัฒนารัฐวิสาหกิจไทยจำเป็นที่จะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับหลักธรรมาภิบาลเพื่อให้เกิดการยอมรับกับทุกภาคส่วน โดยจำเป็นจะต้องตั้งเป็นองค์กรกลางเพื่อกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจทั้งหมด

.

"ประเทศไทยจำเป็นต้องมีองค์กรกลางในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ  เพราะปัจจุบันจะหวังเพียงแค่บอร์ดของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ กำกับดูแลไม่เพียงพอแล้ว จะต้องมีคนดูแลทั้งระบบและจะต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ เพราะปัญหาภายในรัฐวิสาหกิจทั้งการดำเนินงานและการให้บริการถือเป็นปัญหาที่หนักหน่วง และต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว" ประธานและผู้อำนวยการโครงการปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาธรรมาภิบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม กล่าว 

.

ขณะเดียวกันทุกพรรคการเมืองจะต้องให้การสนับสนุน และให้ความรู้ ความเข้าใจกับองค์กรรัฐวิสาหกิจทุกแห่งตั้งแต่ระดับบริหาร พนักงาน รวมถึงประชาชนที่ให้บริการ เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และเกิดการพัฒนาประสิทธิภาพจริงๆ