เนื้อหาวันที่ : 2009-06-16 17:01:37 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 916 views

ฟอร์ติเน็ตโชว์รายได้ ยอดขาย กำไรโตใน Q1/52

ฟอร์ติเน็ตเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2009 ทั้งในส่วนของการดำเนินงานและสถานะทางการเงิน ความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้นำอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายอย่างฟอร์ติเน็ตเติบโตทั้งในแง่รายได้ ยอดขาย และกำไร

ความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ผู้นำอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายอย่างฟอร์ติเน็ตเติบโตทั้งในแง่รายได้ ยอดขาย และกำไร

.

ฟอร์ติเน็ต (Fortinet®) ผู้บุกเบิกและผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นการบริหารจัดการป้องกันภัยแบบเบ็ดเสร็จหรือ ยูทีเอ็ม (UTM - Unified Threat Management) เปิดเผยสถานะทางการเงินและผลกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปี 2009 สิ้นสุดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2009 แม้ว่าทุกภาคส่วนต้องประสบกับภาวะความยากลำบากทางเศรษฐกิจ 

.

ฟอร์ติเน็ตยังคงสามารถรักษาสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งไว้ได้ โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 60 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้น 55 ล้านเหรียญสหรัฐ

.

นอกจากนี้ ฟอร์ติเน็ตยังคงมีผลกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรก่อนหักภาษีในไตรมาสดังกล่าว 5 ล้านเหรียญสหรัฐ และสามารถเพิ่มเงินสดในบัญชี Cash balance เมื่อสิ้นสุดไตรมาส 1 ของปี 2009 ด้วยตัวเลขเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นสุทธิ 129 ล้านเหรียญสหรัฐ

.

ทั้งนี้ สถานะทางการเงินที่สอดคล้องลงตัว      และเป็นไปตามคาดหมายเป็นผลมาจากแพลตฟอร์มที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับและล้ำหน้าเหนือกาลเวลา รวมทั้งการขยายขอบข่ายของผลิตภัณฑ์ด้วยโซลูชั่นใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มเลเยอร์ความปลอดภัยในระดับต่างๆ ของเครือข่าย

.

"การเสริมความโดดเด่นให้กับเทคโนโลยีอันทรงพลังและแตกต่างด้วยด้วยประสิทธิภาพที่เหนือชั้นขึ้น และการสร้างอัตราเติบโตให้กับผลิตภัณฑ์จากฐานลูกค้าเดิม ด้วยการขยายขอบข่ายผลิตภัณฑ์ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์สองประสานที่ฟอร์ติเน็ตใช้ตลอดปีที่ผ่านมาเพื่อวางรากฐานสำหรับการเติบโต" มร.เคน เซีย ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอ ของฟอร์ติเน็ต กล่าว

.

"ผลิตภัณฑ์และการดำเนินธุรกิจที่จะได้เห็นจากฟอร์ติเน็ตในช่วงที่เหลือของปี 2009 จะสะท้อนให้เห็นกลยุทธ์ดังกล่าว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้ากลุ่มเอ็นเทอร์ไพรส์และผู้ให้บริการโครงข่ายการสื่อสาร"

.
สถานะทางการเงินช่วงไตรมาส 1 ของปี 2009

ฟอร์ติเน็ตมีอัตราเติบโตด้านการเงินในหลายๆ ด้านในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2009 เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของรายได้, ยอดขาย, เงินสด, และเงินลงทุนระยะสั้นสุทธิ ตลอดจนผลกำไร โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์หรือ 55 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1 ของปี 2008 และมียอดขายในช่วงดังกล่าว 60 ล้านเหรียญสหรัฐ    

.

อีกทั้งรายได้รับล่วงหน้า (Deferred revenue) เพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ หรือ 177 ล้านเหรียญสหรัฐ    ส่วนปริมาณเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นเติบโตขึ้น 31 เปอร์เซ็นต์ หรือ 129 ล้านเหรียญสหรัฐ (หลังจากใช้เงินสด 8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซื้อคืนหุ้นของบริษัทจากผู้ถือหุ้นบางส่วนในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2009) เทียบกับช่วงไตรมาส 1 ของปีก่อนหน้านี้  และฟอร์ติเน็ตยังคงเป็นบริษัทที่ไม่มี  หนี้ระยะสั้นและระยะยาว

.

นอกจากนี้ ฟอร์ติเน็ตยังมีผลกำไรจากการดำเนินงานตาม GAAP สำหรับช่วง     ไตรมาส 1 ของปี 2009 และสามารถบริหารงบกระแสเงินสดให้เป็นบวกทุกปีนับตั้งแต่ปี 2005 อีกด้วย

.

ฟอร์ติเน็ตได้รับอานิสงส์อย่างมากจากแนวโน้มเกี่ยวกับ Technology Consolidation หรือการ ผนวกรวมหลากหลายเทคโนโลยีไว้ในโซลูชั่นเดียว ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นกลไกที่ช่วยประหยัดเงินทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน นอกจากนี้ การดำเนินตามแผนธุรกิจอย่างรัดกุมและการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดยังช่วยรักษาระดับการทำกำไรอีกด้วย

.

ในขณะที่โมเดลธุรกิจที่จูงใจให้ลูกค้าจดทะเบียนใช้บริการด้านความปลอดภัยซ้ำอย่างต่อเนื่องช่วยให้รายได้รับล่วงหน้าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยผลักดันการเติบโตและผลกำไรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของฟอร์ติเน็ต

.

การขยายขอบข่ายด้านเทคโนโลยี

ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2009 ฟอร์ติเน็ตเปิดตัวซอฟต์แวร์อัพเดทสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม FortiGate® อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายแบบหลายระดับขั้น ซึ่งเป็นโซลูชั่นชั้นนำในตลาด และ ยังขยายขอบข่ายผลิตภัณฑ์โดยเพิ่มโซลูชั่นหลากหลายที่สามารถสร้างเกราะป้องกันภัยให้กับเครือข่ายในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น อาทิ

.

• ระบบปฏิบัติการ FortiOS™ 4.0: เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ เข้ามามากมาย เพื่อเพิ่มความความคุ้มค่าและประโยชน์ใช้สอยของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม FortiGate® โดยรวบรวม 4 คุณสมบัติเด่น ได้แก่ ควบคุมการใช้งานแอพพลิเคชั่น (Application Control), ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (Data Leakage Protection: DLP), เร่งความเร็วของแอพพลิเคชั่นบนระบบเครือข่าย WAN optimization, และตรวจสอบข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสด้วย SSL (SSL Traffic Inspection);

.

• FortiWeb™-1000B: เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรระดับเอ็นเทอร์ไพรส์ขนาดกลางและใหญ่  และนับเป็นรุ่นแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยบนเว็บ (Web Security Appliance) ที่ทำหน้าที่เป็นไฟร์วอลล์ทั้งในส่วนของแอพพลิเคชั่นและ XML เพื่อป้องกัน สร้างสมดุล และเพิ่มอัตราเร่งในการทำงานให้กับเว็บแอพพลิเคชั่นต่างๆ และระบบฐานข้อมูล รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันของระบบดังกล่าว

.

• FortiDB™ Monitoring & Auditing: เป็นอุปกรณ์ใหม่ที่เติมเต็มในส่วนการรักษาความปลอดภัยสำหรับฐานข้อมูล ช่วยให้สามารถตรวจติดตามการทำงานของเครือข่ายได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงหรือตามช่วงเวลาที่กำหนด รวมทั้งทำการตรวจสอบย้อนหลังอย่างรอบด้าน เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับต่างๆ อย่างครบถ้วน   

.

นอกจากนี้ ยังเปิดตัว FortiDB-400B และ FortiDB-2000B ตามหลัง FortiDB-1000B ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความปลอดภัยฐานข้อมูลมีความครบครันยิ่งขึ้น ตอบสนองความต้องการได้ทั้งองค์กรระดับเล็ก ระดับกลาง และครอบคลุมไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่

.

มร. เซีย กล่าวเสริมว่า "ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เราให้ความสำคัญอย่างมากกับการตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า ทั้งในแง่ประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของเทคโนโลยี โดยเฉพาะ    อย่างยิ่ง การเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด FortiOS 4.0 ซึ่งเพิ่มประโยชน์ใช้สอยใหม่ๆ เข้ามามากมายโดยไม่เพิ่มราคา มีองค์กรจำนวนมากเล็งเห็นประโยชน์จากแนวคิด Technology Consolidation และให้การยอมรับแนวทางนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าวิสัยทัศน์และกลยุทธ์การเติบโตของฟอร์ติเน็ตเดินมาถูกทางแล้ว"

.

เมื่อเร็วๆ นี้ Frost & Sullivan ได้ออกรายงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี FortiOS 4.0 ซึ่งเป็นเฟิร์มแวร์อัพเกรดครั้งแรกสำหรับอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยแบบหลายระดับขั้นในตระกูล FortiGate® รายงานฉบับดังกล่าวถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้ว่า "ช่วยผลักดันแนวคิด Network Security Convergence ให้ก้าวไกลไปอีกขั้น" และ "ทำให้วิวัฒนาการของ UTM อยู่ในความสนใจของทุกคนในวงการ"

.
งานวิจัยของ Frost & Sullivan ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับนวัตกรรมที่มีอยู่ใน FortiOS 4.0 โดยในรายงานมีข้อมูลน่าสนใจดังต่อไปนี้

• UTM นำมาซึ่งความคุ้มค่าในระดับสูงสำหรับระบบรักษาความปลอดภัยที่ต้องเผชิญกับสภาพ แวดล้อมของโลกธุรกิจที่เกิดปัญหาและความท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ

.

• เหตุการณ์ต่างๆ ในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ประโยชน์จากการใช้ UTMได้รับการเผยแพร่มากขึ้น และโซลูชั่นดังกล่าวก็ได้กลายเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าระดับเอ็นเทอร์ไพรส์ขนาดใหญ่ 

.

• การเปิดตัว FortiOS 4.0 โดยฟอร์ติเน็ต ทำให้วิวัฒนาการของ UTM เป็นที่สนใจของวงการ
• อีกครั้งที่ฟอร์ติเน็ตก้าวล้ำไปอีกขั้นในด้านการขยายขีดความสามารถของ UTM และได้ใส่แนวคิดด้าน Technology Convergence ลงไปในเทคโนโลยีดังกล่าว

.

• การรุกคืบของฟอร์ติเน็ตเข้าไปในแขนงเทคโนโลยีที่ไม่เกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัย (Non-security related technologies) จะช่วยขยายขอบเขตการรับรู้ของลูกค้าว่ามีความเป็นไปได้มากมายหลายช่องทางและรูปแบบในการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่รวมหลากหลายคุณสมบัติไว้ใน หนึ่งเดียว 

.

• เมื่อมองไปข้างหน้า จากความพยายามครั้งล่าสุดที่จะขยายขีดความสามารถของ UTM เชื่อแน่ว่าแนวคิด Technology Convergence จะได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วและกว้างขวางในอนาคตอันใกล้นี้ 

.

ทั้งนี้ สามารถอ่านรายงานฉบับสมบูรณ์ของ Frost & Sullivan โดยคลิ๊กเข้าไปที่เว็บไซต์ http://www.frost.com/prod/servlet/market-insight-print.pag?docid=168284191 และอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเฟิร์มแวร์ FortiOS ได้ที่ http://www.fortinet.com/products/fortios/

.

เกี่ยวกับ Fortinet (www.fortinet.com)

ฟอร์ติเน็ตเป็นผู้บุกเบิกและผู้ให้บริการชั้นนำด้านระบบจัดการภัยคุกคามแบบรวม หรือที่เรียกว่า ยูทีเอ็ม (UTM - Unified Threat Management) แบบ ASIC ซึ่งใช้ในองค์กรธุรกิจและผู้ให้บริการเครือข่าย  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการดำเนินการ โซลูชั่นของฟอร์ติเน็ตพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงการประสานระบบป้องกันภัยหลากหลายระดับเข้าด้วยกัน

.

อันประกอบด้วยไฟร์วอลล์ แอนตี้ไวรัส ระบบตรวจสอบและป้องกันการบุกรุกเข้าสู่ระบบเครือข่าย (IPS) ระบบเครือข่ายส่วนตัวแบบเสมือน (VPN) การป้องกันสปายแวร์ และแอนตี้สแปม  ซึ่งออกแบบขึ้นเพื่อป้องกันเครือข่ายและองค์ประกอบที่มีความสำคัญจากภัยคุกคาม 

.

ทั้งนี้ ด้วยการใช้เทคโนโลยี ASIC และส่วนติดต่อเดียวร่วมกันทำให้โซลูชั่นของฟอร์ติเน็ตสมบูรณ์ด้วยความสามารถในการรักษาความปลอดภัยตั้งแต่การดูแลผ่านเครือข่ายสำนักงานย่อย ไปจนถึงโซลูชั่นที่ต้องพร้อมสำหรับการขยายตัว อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง เช่น Chassis-based solution ร่วมกับระบบการจัดการแบบบูรณาการในการทำรายงานและจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์

.

นอกจากนี้ โซลูชั่นของฟอร์ติเน็ตได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆ ทั่วโลกและเป็นผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับการรับรองจาก ICSA Labs ถึงเจ็ดกลุ่มแอพพลิเคชั่น (ไฟร์วอลล์, แอนตี้ไวรัส, IPsec, SSL, Network IPS, แอนตี้สปายแวร์ และแอนตี้สแปม)   สำนักงานใหญ่ของฟอร์ติเน็ตตั้งอยู่ที่เมืองซันนี่เวล  รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา