เนื้อหาวันที่ : 2009-06-08 14:12:48 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1298 views

เน็ตแอพจับมือวีเอ็มแวร์ พัฒนาสู่ดาต้าเซ็นเตอร์แบบเวอร์ช่วลไลซ์

โซลูชั่นสตอเรจของเน็ตแอพและ VMware vSphere 4 นำเสนอโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ ให้ลูกค้ามีแพลตฟอร์มพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการรันดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยวิธีที่ประหยัดค่าใช้จ่ายและยืดหยุ่นมากขึ้น

เน็ตแอพ (NASDAQ: NTAP) เปิดเผยเกี่ยวกับการผนวกรวมและการรับรองแพลตฟอร์มสตอเรจของเน็ตแอพสำหรับการทำงานร่วมกับ VMware vSphere 4 พร้อมกันกับที่วีเอ็มแวร์ได้จัดการแถลงข่าวเปิดตัว vSphere 4 ในวันนี้ที่สำนักงานใหญ่ของวีเอ็มแวร์

.

ทั้งนี้ VMware vSphere 4 เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นแรกในอุตสาหกรรมสำหรับการสร้างระบบคลาวด์ (Cloud) ภายในองค์กร โดยรองรับบริการไอทีรุ่นอนาคตซึ่งมีความยืดหยุ่นสูงและเปี่ยมด้วยเสถียรภาพ ระบบปฏิบัติการ vSphere 4 เมื่อผสานรวมเข้ากับโซลูชั่นสตอเรจของเน็ตแอพ จะช่วยให้ลูกค้ามีแพลตฟอร์มพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการรันดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยวิธีที่ประหยัดค่าใช้จ่ายและยืดหยุ่นมากขึ้น         

.

VMware vSphere 4 เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาระบบคลาวด์ที่ยืดหยุ่น ซึ่งผสานรวมทรัพยากรต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ทั้งในส่วนของซีพียู เครือข่าย และสตอเรจ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขีดความสามารถในการควบคุม และทางเลือกที่หลากหลายสำหรับลูกค้า เน็ตแอพนำเสนอพื้นฐานสตอเรจให้แก่ลูกค้าของวีเอ็มแวร์เพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่ระบบรวบรวมทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น และรองรับทุกความต้องการ โดยลูกค้าจะได้รับประโยชน์ดังต่อไปนี้จากสภาพแวดล้อม VMware vSphere 4: 

.

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เทคโนโลยีสตอเรจของเน็ตแอพ เช่น การขจัดข้อมูลซ้ำซ้อน (Deduplication) และการจัดสรรพื้นที่สตอเรจอย่างมีประสิทธิภาพ (Thin Provisioning) ช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านโครงสร้างพื้นฐานได้มากกว่า 50% ในสภาพแวดล้อมเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจแบบเวอร์ช่วลไลซ์

.

ปัจจุบันลูกค้าของวีเอ็มแวร์สามารถใช้ประโยชน์จากโครงการรับประกันระบบ เวอร์ช่วลไลเซชั่น (Virtualization Guarantee* Program) ของเน็ตแอพ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลน้อยลง 50% ด้วยอุปกรณ์สตอเรจของเน็ตแอพ เมื่อเทียบกับสตอเรจแอเรย์รุ่นเก่า 

.

การควบคุมการทำงานที่ดีขึ้น เน็ตแอพรองรับการแยกทรัพยากรเครือข่ายและสตอเรจออกจากกันในสภาพแวดล้อมที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตหลายราย เพื่อจัดหาบริการไอทีแบบโฮสต์ โดยลูกค้าจะสามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อม VMware vSphere 4 ทั้งหมดได้ในแบบเรียลไทม์ โดยใช้ VMware vCenter? Server และปรับปรุงการใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

.

นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีแบบอัตโนมัติสำหรับการโคลนระบบ (Cloning), การจัดสรร การแบ็คอัพและกู้คืนข้อมูลสำหรับเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจแบบเวอร์ช่วลไลซ์ ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้จะช่วยปรับปรุงการควบคุมสภาพแวดล้อมดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อมทั้งเพิ่มความพร้อมในการใช้งาน ความปลอดภัย และความสามารถในการบริหารจัดการ 

.

เพิ่มทางเลือกที่หลากหลาย สถาปัตยกรรมแบบครบวงจรของเน็ตแอพช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกระดับราคาและประสิทธิภาพที่เหมาะสมได้อย่างยืดหยุ่น โดยใช้โปรโตคอลสตอเรจใดๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป และลูกค้าที่ลงทุนในโซลูชั่นสตอเรจอื่นๆ จะสามารถใช้ NetApp V-Series เพื่อผสานรวมโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ภายใต้สถาปัตยกรรมร่วม                             

.

และใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากฟีเจอร์ที่เหนือชั้นของ Data ONTAP? เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูล และเพิ่มความสะดวกในการจัดการข้อมูลได้อย่างมาก ลูกค้าจะสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างลงตัวทั้งในปัจจุบันและอนาคต 

.

ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ลูกค้าที่ใช้ดาต้าเซ็นเตอร์กำลังประสบปัญหาท้าทายในการทำงานให้ได้คุ้มค่ามากขึ้นแต่ใช้ทรัพยากรน้อยลง และโดยมากแล้ว เฉพาะโครงการที่ก่อให้เกิดผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ภายใน 6-12 เดือนเท่านั้นที่จะได้รับการอนุมัติ     

.

ในขณะที่งบประมาณถูกปรับลดหรืออยู่ในระดับคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่บุคลากรฝ่ายไอทีกลับถูกขอให้เพิ่มระดับการให้บริการ ด้วยเหตุนี้จึงมีการปรับใช้ระบบ เวอร์ช่วลไลเซชั่นเพื่อลดรายจ่ายที่เกี่ยวกับทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถดำเนินการปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจที่เปลี่ยนไปได้อย่างทันท่วงที 

.

"บริษัทเชื่อว่า VMware vSphere 4 จะช่วยองค์กรต่างๆ สามารถพัฒนาไปสู่ระบบคลาวด์ได้อย่างราบรื่น" มร. ปารัก พาเทล รองประธานฝ่ายพันธมิตรธุรกิจของวีเอ็มแวร์ กล่าว "เน็ตแอพเป็นพันธมิตรทางด้านเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าขจัดปัญหาความไร้ประสิทธิภาพ  

.

และปรับปรุงการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ วีเอ็มแวร์และเน็ตแอพจับมือ พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ให้บริการด้านไอทีมีการวางรากฐานดาต้าเซ็นเตอร์ ที่มีความต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น ลดความยุ่งยากซับซ้อน และช่วยให้ลูกค้าสามารถนำเสนอบริการด้านไอทีที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่นและมีเสถียรภาพ

.

"ความพยายามของวีเอ็มแวร์ในการเชื่อมโยงส่วนประกอบต่างๆ ของระบบคลาวด์เข้าด้วยกัน ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทในการพัฒนาปรับปรุงดาต้าเซ็นเตอร์" มร. เจย์ คิดด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของเน็ตแอพ กล่าว "เช่นเดียวกับที่ VMware vSphere 4 เป็นรากฐานสำหรับระบบประมวลผลแบบคลาวด์  

.

บริษัทเชื่อมั่นว่าเน็ตแอพคือแพลตฟอร์มสตอเรจที่ดีที่สุดสำหรับการรองรับบริการไอทีรุ่นอนาคต บริษัทรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูกค้าของเราจะได้รับประโยชน์จาก VMware vSphere 4 เทคโนโลยีของเน็ตแอพและ วีเอ็มแวร์จะช่วยให้ลูกค้าพัฒนาสู่ระบบประมวลผลแบบคลาวด์ได้อย่างแข็งแกร่ง เพื่อให้สามารถจัดการกับปัญหาและความยุ่งยากซับซ้อนของดาต้าเซ็นเตอร์ได้ดีขึ้น" 

.

สำหรับลูกค้าที่ต้องการเพิ่มความรวดเร็วฉับไวในการพัฒนาระบบดาต้าเซ็นเตอร์ สามารถเลือกใช้บริการ เวอร์ช่วลไลเซชั่นของเน็ตแอพ (NetApp Virtualization Services) สำหรับสภาพแวดล้อมวีเอ็มแวร์ เพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนไปสู่โครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมอย่างราบรื่น ทีมงานฝ่ายบริการระดับมืออาชีพ (Professional Services) ของเน็ตแอพ              

.

และพันธมิตรด้านบริการที่ได้รับการแต่งตั้ง มีความเชี่ยวชาญอย่างมากในการประเมินสภาพแวดล้อมของระบบไอทีของลูกค้า พร้อมทั้งจัดหาและแนะนำข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ต่อลูกค้า จัดทำแผนงานและดำเนินการเพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายโดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด พร้อมทั้งลดความเสี่ยงต่างๆ และขจัดการรบกวนการทำงานระหว่างวันให้น้อยที่สุดของลูกค้า หรือไม่มีการรบกวน