เนื้อหาวันที่ : 2006-10-24 10:47:05 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1161 views

ก.พลังงานเร่งศึกษาแนวทางการใช้มาตฐานน้ำมันยูโร 4

รมว.พลังงานสั้งตั้งคณะทำงานศึกษาการประกาศใช้มาตรการน้ำมันยูโร 4 ที่เดิมกำหนดไว้ในปี 2554 โดยมีปลัดพลังงานเป็นประธาน ยืนยันหากมีการบังคับใช้จริงจะประกาศล่วงหน้า 3-5 ปี เพื่อให้โรงกลั่นปรับตัวได้ทัน

สำนักข่าวไทยรายงานข่าว

 

รมว.พลังงานสั้งตั้งคณะทำงานศึกษาการประกาศใช้มาตรการน้ำมันยูโร 4 ที่เดิมกำหนดไว้ในปี 2554 โดยมีปลัดพลังงานเป็นประธาน ยืนยันหากมีการบังคับใช้จริงจะประกาศล่วงหน้า 3-5 ปี เพื่อให้โรงกลั่นปรับตัวได้ทัน ขณะที่เอกชนห่วงการก่อสร้างที่อาจไม่ทันการประกาศใช้มาตรฐานดังกล่าว 

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งเป็นห่วงเรื่องนโยบายที่จะมีการประกาศใช้มาตรฐานน้ำมันยูโร 4 ซึ่งเดิมกำหนดไว้ว่าอาจจะประกาศใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2554 ดังนั้น กระทรวงพลังงานจึงได้ตั้งคณะทำงานที่มีนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเพื่อศึกษารายละเอียด โดยหากมีการบังคับใช้จริงต้องมีการประกาศล่วงหน้าให้โรงกลั่นแต่ละแห่งได้ลงทุนก่อสร้างได้ทัน ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลา 3-5 ปี ในการดำเนินการ

นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า หากมีการผลิตน้ำมันมาตรฐานยูโร 4 ทุกโรงกลั่นรวมกันจะต้องใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 50,000 ล้านบาท สำหรับสิ่งที่หลายฝ่ายเป็นห่วงคือ การหาผู้รับเหมาก่อสร้างที่จะหาได้ลำบากในช่วงนี้ เนื่องจากขณะนี้ทั้งโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานปิโตรเคมีอยู่ในช่วงเร่งกำลังการผลิต ดังนั้น การดำเนินการก่อสร้างโรงกลั่นอาจแล้วเสร็จไม่ทันการประกาศใช้มาตรฐานฯ ในปี 2554 ขณะเดียวกันหลายฝ่ายเห็นว่ามาตรฐานน้ำมันจะต้องมีการปรับสู่คุณภาพสูงสุดทุกประการหรือไม่ เนื่องจากมีบางส่วนเป็นห่วงว่าเงินลงทุนในการก่อสร้างโรงกลั่นต้องมากจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งหากมีการปรับคุณภาพน้ำมันไปแล้วแต่ราคาน้ำมันไม่สามารถปรับตามขึ้นได้สถาบันการเงินอาจไม่พิจารณาปล่อยกู้ได้

ทั้งนี้การปรับคุณภาพน้ำมันดังกล่าวเป็นแผนการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงในอนาคต โดยในส่วนของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์จะมีการกำหนดให้ปริมาณปรับเพิ่มขึ้นของโอเลฟินส์ไม่สูงกว่าร้อยละ 18 โดยปริมาตร ปรับลดปริมาณสารตะกั่วจากได้ไม่สูงเกิน 0.013 กรัมต่อลิตร เป็นไม่สูงกว่า 0.005 กรัมต่อลิตร ปรับลดปริมาณกำมะถันจากไม่สูงกว่า 500 พีพีเอ็ม เป็นไม่สูงกว่า 50 หรือ 10 พีพีเอ็ม ปรับลดปริมาณเบนซีนจากไม่สูงกว่าร้อยละ 3.5 เป็นไม่สูงกว่าร้อยละ 1 โดยปริมาตร ส่วนดีเซลจะมีการปรับเพิ่มจำนวนซีเทน/ดัชนีซีเทน จากไม่ต่ำกว่า 47 เป็นไม่ต่ำกว่า 50 ปรับลดปริมาณกำมะถันจากไม่สูงกว่า 350 พีพีเอ็ม เป็นไม่สูงกว่า 50 หรือ 10 พีพีเอ็ม อย่างไรก็ตามการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีการพิจารณาถึงสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในการลงทุนปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมัน และการพัฒนารถยนต์ให้เหมาะสมกับรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นตามมาตรฐานสากลเพื่อลดมลภาวะในอากาศ.