เนื้อหาวันที่ : 2009-05-27 09:26:08 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1152 views

โลจิสติกส์เข้าคิวรอเจ๊ง3หมื่นราย

ผวา การเปิดเสรีขนส่ง - โลจิสติกส์อาเซียน จะทำให้บริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ในประเทศเจ็งกว่า 3 หมื่นราย ส.อ.ท. แนะรัฐบาลหนุนผู้ประกอบการไทยรวมกลุ่ม สร้างความแข็งแกร่ง

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  เปิดเผยว่า การเปิดเสรีภาคขนส่ง-โลจิสติกส์ ในกลุ่มประ เทศอาเซียน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 56 จะส่งผลบริษัทเกี่ยวกับการขนส่งและโลจิสติกส์ 2-3 หมื่นราย หรือ  20-30% จากทั้งหมดกว่า 1 แสนราย ต้องปิดกิจการลงทันที เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับทุนจากสิงคโปร์และมาเลเซียที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ดังนั้นภาครัฐบาลต้องสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยรวมกลุ่มกันให้มีขนาดใหญ่แล้วเจรจาร่วมทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจไทย

.

"ปัจจุบันธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ไทยมีการจ้างงาน 2.5 ล้านคน สร้างรายได้ 7-8 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งในปี 56 ต่างชาติมาถือหุ้นในธุรกิจประเภทนี้ได้ถึง 70% ถือว่าเป็นเจ้าของรายใหญ่เต็มตัว แม้ข้อดีอาจมีการจ้างงานเพิ่มแต่ผู้ประกอบการรายเล็ก 20-30% คงปิดกิจการ ที่สำคัญเม็ดเงินส่วนใหญ่จะไหลไปสู่บริษัทแม่ต่างชาติ โดยปัจจุบันประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของไทยอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ขณะเดียวกันก็ต้องแข่งขันกับทุนจีนที่แอบแฝงในลักษณะนอมินีในประเทศลาวและเวียดนาม"

.

นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์  กล่าวว่า เตรียมนำนักธุรกิจด้านโลจิสติกส์ไทยไปโรดโชว์ในกลุ่มประเทศอาเซียนอีก 9 ประเทศ ให้ผู้ประกอบการไทยได้เจรจาร่วมทุนกับต่างชาติเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ซึ่งการเปิดเสรีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะให้สอดคล้องภายใต้กรอบความร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียนอีก 9 ประเทศ เนื่องจาก กรอบความร่วมมือนี้จะทำให้มีประชากรที่เกี่ยวข้องทำธุรกิจโลจิสติกส์ที่มีประชากรรวมกัน 575 ล้านคน 

.

สำหรับสถานการณ์การส่งออกช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นจากครึ่งปีแรก เพราะตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกาเริ่มฟื้นตัว ส่วนไตรมาส 2 จะขยายตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสแรก เพราะสถานการณ์ไม่ต่างกันนัก และยอมรับว่ามีเรื่องไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เกิดอย่างไม่คาดคิดทำให้การเดินทางมาเจรจาธุรกิจทั้งในจีนและญี่ปุ่นชะลอออกไป

.

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจนถึงสิ้นปี เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้แข่งขันกับคู่แข่งในต่างประเทศได้ เนื่องจากปัจจุบันมีการแข่งกันลดราคา หากไม่สามารถดำเนินการได้อาจทำให้ส่งออกขยายตัวในอัตราติดลบมากขึ้น

.

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงยังไม่มีแผนที่จะขยายเพดานเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากอัตราปัจจุบัน แม้มีผู้ค้าน้ำมันบางรายเสนอให้เก็บเงินกองทุนในส่วนเบนซิน 95 เพิ่มอีก เพื่อเป็นแนวทางลดการใช้เบนซินและหันไปส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาการใช้เบนซิน 95 จะขยับขึ้นจาก 5 แสนลิตรเป็น 6 แสนลิตรต่อวัน.

.
ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์