เนื้อหาวันที่ : 2009-05-21 15:22:40 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1147 views

กรณ์ มั่นใจเต็ม 100 พ.ร.ก.กู้เงินฯ ไม่ขัดกม. พร้อมเดินหน้าแผน ก.ค.52

กรณ์ ฟุ้งระหว่างรอ พ.ร.ก. กู้เงินฯ รัฐบาลไม่มีปัญหา ยังมีเงินคงคลังกว่า 1.1 แสนล้านบาท มั่นใจ พ.ร.ก. ไม่ขัดกฎหมาย พร้อมเดินหน้ากู้เงินสนองนโยบายอภิมหาประชานิยมตามแผน

นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง แสดงความมั่นใจ 100% ว่า ภายใน ก.ค.52 รัฐบาลจะสามารถดำเนินการกู้เงินตามแผนที่ระบุไว้ใน พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและส่งเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 ที่อยู่ในระหว่างการวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญในขณะนี้ เพราะเชื่อว่าการออกพ.ร.ก.ดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายทุกประการ                                   

.

รมว.คลัง กล่าวว่า การออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อให้รัฐบาลสามารถกู้เงินเพื่อมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณปี 52 และใช้ในโครงการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ได้ พร้อมยืนยันว่าในระหว่างที่ยังไม่สามารถกู้เงินมาใช้ได้นั้น รัฐบาลไม่มีปัญหาฐานะการคลัง เพราะปัจจุบันยังมีเงินคงคลังอยู่กว่า 1.1 แสนล้านบาท และยังมีช่องทางให้กู้เงินได้อีก 44,000 ล้านบาท

.

"มั่นใจว่าการตีความของศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้กฎหมายออกมาได้ และให้เดินหน้าตามแผนเดิมที่วางไว้ ทุกอย่างน่าจะอยู่ในกรอบเวลา ส่วนการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเป็นเรื่องที่เราคาดไว้แล้วว่าฝ่ายค้านจะทำ" รมว.คลัง กล่าวภายหลังหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง 

.

 รมว.คลัง กล่าวว่า การออก พ.ร.ก.กู้เงินฯ ได้พิจารณาโดยเปรียบเทียบแนวทางการออก พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับในปี 41 ที่มีการออก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อเพิ่มทุนให้สถาบันการเงิน, พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมิยาซาวา และ พ.ร.ก.ที่ให้หนี้สินของกองทุนฟื้นฟูเป็นหนี้สาธารณะ ซึ่งเงื่อนไขการออก พ.ร.ก.ครั้งนี้ไม่ได้แตกต่างไปจาก 3 ฉบับ และยังสามารถชี้แจงรายละเอียดโครงการกู้เงินที่ชัดเจนกว่า คือการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลการคลัง และการกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 

.

พร้อมกันนี้ ยังได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าตามแผนการกู้เงิน เพื่อเตรียมรองรับได้ทันทีที่ พ.ร.ก.กู้เงินผ่านการพิจารรณาของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งเรื่องแผนการออกพันธบัตร และโครงการลงทุนอื่นๆ ส่วนแผนการกู้เงิน 4 แสนล้านบาท จะทะยอยออกเป็นพันธบัตรหรือไม่นั้นขึ้นกับอยู่กับความเหมาะสมของสถานการณ์ แต่ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในตลาด