เนื้อหาวันที่ : 2009-05-12 09:56:06 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1376 views

BANPU เผยกำไร Q1/52โต 131% จากราคาขายถ่านหินสูงขึ้น-รายได้ไฟฟ้าเพิ่ม

ชนินท์ เผยบ้านปูยังแกร่ง ผลประกอบการ ไตรมาส 1/2552 กำไรกว่า 4 พันล้านบาทโต 131% เหตุราคาขายถ่านหินสูงขึ้นและได้เพิ่มจากธุรกิจไฟฟ้า

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 1/2552 สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดีของธุรกิจหลัก โดยบริษัทบันทึกกำไรสุทธิจำนวน 4,798 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 131 จากปีก่อนหน้า เนื่องจากราคาขายถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น และเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมากำไรสุทธิได้ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 175 เป็นผลจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจไฟฟ้า                                                                  

.

รายได้จากธุรกิจถ่านหินจำนวน 12,343 ล้านบาท เป็นผลจากปริมาณจำหน่ายถ่านหินที่ 4.08 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 10  จากปีก่อนหน้าและร้อยละ 17 จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีราคาขายถ่านหินเฉลี่ย 84.23 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน สูงขึ้นร้อยละ 71 จากปีก่อนหน้าในขณะที่ลดลงร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อนหน้า

.

ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่ปรับสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าจึงช่วยชดเชยปริมาณจำหน่ายที่ลดลงอันเป็นผลจากการปิดซ่อมบำรุงท่าเรือบอนตังตามกำหนดเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์และการผลิตที่ลดลงของเหมืองอินโดมิงโกและโจ-ร่ง อีกทั้งปริมาณจำหน่ายถ่านหินในประเทศไทยได้ลดลงจากการปิดเหมืองเมื่อปลายปีก่อนหน้า 

.

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจถ่านหินทรงตัวอยู่ในระดับที่ร้อยละ 55 (เทียบกับร้อยละ 37 ในปีก่อนหน้าและร้อยละ 56  ในไตรมาสก่อนหน้า) ต้นทุนการผลิตถ่านหินของเหมืองในสาธารณรัฐอินโดนีเซียยังคงได้รับผลบวกจากต้นทุนดีเซลที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 52  จากปีก่อนหน้าและร้อยละ  39 จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 0.44 เหรียญสหรัฐฯต่อลิตรในไตรมาสนี้ 

.

ธุรกิจถ่านหินในสาธารณรัฐประชาชนจีนได้รายงานผลกำไรของบริษัทร่วมจำนวน 1,134 ล้านบาท ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด จากปีก่อนหน้าจากการที่บริษัทเข้าซื้อกิจการของ AACI เมื่อกลางปี 2551 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าผลกำไรจำนวนนี้ยังได้ปรับสูงขึ้นร้อยละ 90 เนื่องจากปริมาณผลิตถ่านหินที่เพิ่มขึ้นประกอบกับต้นทุนการผลิตที่ลดลงที่เหมือง AACI-Daning  

.

ซึ่งเป็นผลจากการหยุดเดินเครื่องจักรชั่วคราว ในส่วนงาน roadway development ในช่วงเดือนมกราคม ตามมาตรการควบคุมความปลอดภัย หลังจากนั้นเครื่องจักรในส่วนงานดังกล่าวได้กลับมาดำเนินงานปกติอีกครั้งซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้นสู่ระดับปกติในไตรมาสถัดไป

.

ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้าโดยรวมมีผลการดำเนินงานที่ราบรื่น ประกอบด้วยกำไรจากบริษัทร่วมจากบริษัท BLCP จำนวน 923 ล้านบาท (รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 93 ล้านบาท) การรับรู้เงินปันผลรับจากบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งจำนวน 240   ล้านบาท และ กำไรสุทธิจากบริษัท BPIC ในสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน 204  ล้านบาท

.

นอกจากนี้บริษัทได้บันทึกกำไรจากอนุพันธ์ทางการเงินจำนวน 794   ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นกำไรจากสัญญาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้าที่รับรู้ในไตรมาสนี้ เทียบกับขาดทุนจากอนุพันธ์ทางการเงินที่บันทึกในปีก่อนหน้าและไตรมาสก่อนหน้าจำนวน 142 ล้านบาท และ 984 ล้านบาท ตามลำดับ 

.

กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) รวมเท่ากับ 7,080 ล้านบาท ปรับสูงขึ้นร้อยละ 142  จากปีก่อนหน้า และร้อยละ 13 จากไตรมาสก่อนหน้า โดยแบ่งเป็น EBITDA จากธุรกิจถ่านหินจำนวน 5,623 ล้านบาท (หรือร้อยละ 79 ของ EBITDA รวม) และ EBITDA จากธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 1,457 ล้านบาท