เนื้อหาวันที่ : 2009-05-07 16:30:32 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1391 views

PTTEP คาดสรุปลงทุนเพิ่มรอบแหล่งออสตรเลียปีนี้ไม่เกิน 150 ล้านดอลล์

ปตท.สผ. เผยประเทศออสเตรเลียจัดเป็นแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของบริษัท ซึ่งจะมีการลงทุนต่อเนื่อง คาดสรุปแผนซื้อกิจการเพิ่มรอบแหล่ง Coogee ปีนี้ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะสรุปแผนซื้อกิจการเพิ่มรอบแหล่ง Coogee ในออสเตรเลียภายในปีนี้ เนื่องจากบริษัทต้องการแหล่งปริมาณปิโตรเลียมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาร์เรล ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ                                              

.

"ปตท.สผ. ถือว่าประเทศออสเตรเลียจัดเป็นแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของบริษัท และจะมีการลงทุนต่อเนื่อง และเป็นส่วนที่จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทต่อเนื่อง" นายอนนต์ กล่าว 

.

บริษัทเห็นศักยภาพและแหล่งปิโตรเลียมในออสเตรเลีย มีจำนวนมากและมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมในระดับสูง นอกจากนี้บริษัทยังจะดำเนินโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติผ่านเทคโนโลยี Floating Liquefied Natural Gas Production (FLNG) ซึ่งเป็นการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติให้กลายเป็นของเหลว 

.

อนึ่ง เมื่อปลายปี 51 PTTEP เข้าซื้อกิจการ บริษัท Coogee Resources Limited หรือ CRL มูลค่าประมาณ 170 ล้านเหรียญ ซึ่งในปีนี้จะเริ่มรับรู้รายได้แหล่งปิโตรเลียมดังกล่าว 

.

ส่วนแหล่ง M9 ในสหภาพพม่านั้น นายอนนต์ กล่าวว่า ขณะนี้ PTTEP อยู่ระหว่างการเจรจาค่าก๊าซกับ บมจ.ปตท. (PTT) คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ โดยปริมาณการผลิตเบื้องต้นเชื่อว่าอยู่ที่ประมาณ 300 ล่านลบ.ฟุต/วัน โดยคาดจะส่งเข้ามาในประเทศไทย จำนวน 260 ล้านลบ.ฟุต/วัน และขายให้กับพม่าประมาณ 60 ล้านลบ.ฟุต/วัน 

.

ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 56 ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ความต้องการใช้ก๊าซภายในประเทศ แต่เชื่อว่าการใช้ก๊าซธรรมชาติยังมีต่อเนื่องเพราะจะต้องมีการสำรอง แม้ว่าขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลต่อการปรับลดการใช้ก๊าซ แต่ในอนาคตเพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยด้านพลังงานของไทย บริษัทจึงต้องหาแหล่งก๊าซที่มัปริมาณสำรองสูง เพื่อรองรับไว้อนาคต          

.

นายอนนต์ กล่าวว่า ปัจจุบันแหล่ง M9 บริษัทถือหุ้นอยู่ 100% แต่มีแผนที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงซึ่งบริษัทยังคงอำนาจบริหารงานไว้ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับหลายแห่ง เพราะบริษัทต้องการพันธมิตรที่มีความสามารถที่จะมาต่อยอดธุรกิจได้