เนื้อหาวันที่ : 2009-05-04 15:58:28 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1347 views

พีดี เฮ้าส์ ห่วงรัฐถังแตก เผยปี 51 จ่ายภาษีแวตเข้ารัฐกว่า 5 ล้าน

พีดี เฮ้าส์ ชี้รัฐกำลังถังแตก เหตุภาคธุรกิจรายได้หด และบางกลุ่มเอาเปรียบโดยหลบเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้าง วอนรัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรมและทั่วถึง

พีดี เฮ้าส์ ชี้รัฐกำลังถังแตก เหตุภาคธุรกิจรายได้หด และบางกลุ่มเอาเปรียบโดยหลบเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้าง วอนรัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรมและทั่วถึง         

.

เหตุคู่แข่งเลี่ยงภาษีส่งผลให้แข่งขันลำบาก โวเป็นเด็กดีปี 51 พีดี เฮ้าส์ รายเดียวส่งภาษีแวตเข้ารัฐกว่า 5 ล้านบาท ในขณะที่ Q1 จ่ายแล้ว 1.5 ล้านบาท เชื่อเก็บภาษีผู้ประกอบการในตลาดตรงไปตรงมาทั้งระบบ รัฐมีรายได้เพิ่ม 1,000 ล้านบาทต่อปี 

.

นางมาลี สุวรรณสุต รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือ พีดี เฮ้าส์ กล่าวว่ารู้สึกเห็นใจรัฐบาลที่กำลังประสบปัญหาจัดเก็บรายได้หรือภาษีต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ ส่วนหนึ่งเกิดจากภาคธุรกิจมีรายได้หรือผลประกอบการลดลง อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงกว่าที่คาดไว้         

.

ทั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดสรรรายจ่ายปีนี้และการตั้งงบประมาณรายจ่ายปี 2553 โดยปัจจุบันพบว่าหน่วยงานของรัฐหรือกรมสรรพกรพยายามหาทางเร่งจัดเก็บภาษีเพิ่ม ทั้งจากผู้มีรายได้หรือกิจการต่างๆที่เสียภาษีไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน และจากการแก้ไขระเบียบการจัดเก็บภาษีสินค้าและบริการที่มีช่องโหว่ให้ผู้ประกอบการเลี่ยงภาษี 

.

สำหรับผลประกอบการของ ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป และบริษัทในเครือปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าไม่สามารถทำกำไรสุทธิได้ตามที่คาดการณ์ไว้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนค่าขนส่งและวัสดุก่อสร้างผันผวนในช่วงไตรมาส 1-3 ทำให้กำไรสุทธิจากยอดขายต่อหน่วยลดลง บริษัทฯจึงเสียภาษีรายได้นิติบุคคลประจำปีน้อยกว่าที่ประมาณการไว้

.

แต่ในส่วนของรายได้รวมปี 2551 กลับเพิ่มขึ้นจากปี 2550 มากกว่า 40 % ทำให้ในกลุ่มบริษัทฯสามารถนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่กรมสรรพกรตลอดปี 2551 คิดเป็นเงินภาษีกว่า 5 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาส 1 ปีนี้ได้นำส่งภาษีเพิ่มแล้วเป็นเงินกว่า 1.5 ล้านบาท และคาดว่าตลอดปี 2552 จะสามารถนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มได้สูงกว่าปีก่อนประมาณ 20% หรือประมาณ 6 ล้านบาท         

.
โดยภาษีที่จ่ายเพิ่มมาจากการรับรู้รายได้จากยอดขายในช่วงไตรมาส 3-4 ปี 2551 และสามารถรับรู้รายได้จากยอดขายปี 2552 ได้เร็วขึ้น เพราะบริษัทฯหันมาใช้ระบบโครงสร้างสำเร็จรูปก่อสร้างบ้านให้ลูกค้าทุกหลัง ทำให้สามารถส่งมอบบ้านและรับรู้รายได้เร็วขึ้นกว่าเดิมเฉลี่ย 2-4 เดือน 
.

นางมาลี กล่าวต่อว่า สถานะการคลังของรัฐบาลในปัจจุบันและอนาคตน่าจะมีปัญหา ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจและเป็นผู้มีหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีให้แก่รัฐ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่รัฐบาลกำลังประสบปัญหาเช่นนี้ จำเป็นที่ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจก่อสร้างทุกราย จะต้องรู้จักหน้าที่และไม่เอาเปรียบสังคม

.

แต่สิ่งที่อยากจะฝากไปถึงรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐก็คือ การที่ผู้ประกอบการพยายามทำตัวเป็นเด็กดีหรือเสียภาษีให้แก่รัฐอย่างตรงไปตรงมา แต่บ่อยครั้งกลับถูกเจ้าหน้าที่เรียกไปตรวจสอบและชี้แจงบ่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาทางเทคนิคของการลงรายการทางบัญชี ในขณะที่ผู้ประกอบการที่หลบเลี่ยงหรือไม่นำส่งภาษีให้รัฐเลย กลับลอยนวลและหน่วยงานของรัฐก็ปล่อยเฉย

.

ซึ่งผู้ประกอบการกลุ่มนี้ก็อาศัยต้นทุนทางภาษีที่แตกต่างกัน ใช้เป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันราคาหรือลดราคาบ้านให้ลูกค้าได้มากๆ ที่ผ่านมามีลูกค้ามาติดต่อจะสร้างบ้านกับบริษัทฯ โดยนำเอาข้ออ้างเรื่องการที่บริษัทรับสร้างบ้านรายอื่น สามารถไม่คิดภาษีมูลค่าเพิ่มรวมอยู่ในราคาบ้านได้ และนำมาต่อรองเพื่อไม่ให้บริษัทฯคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มรวมในราคาบ้าน 

.

แต่บริษัทฯได้ปฏิเสธและอธิบายให้ลูกค้าได้เข้าใจ ซึ่งก็มีทั้งที่เข้าใจและตกลงสร้างบ้านกับบริษัทฯ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจไปสร้างบ้านกับบริษัทที่ไม่คิดรวมภาษีในราคาบ้าน สิ่งนี้ทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม เพราะหน่วยงานของรัฐไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างทั่วถึง        

.

ฉะนั้นจึงอยากวิงวอนให้ผู้ประกอบการในธุรกิจก่อสร้าง หันมาแข่งขันกันอย่างยุติธรรม และช่วยชาติด้วยการเสียภาษีอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงอยากเห็นหน่วยงานของรัฐบังคับใช้กฎหมายภาษีหรือหาทางจูงใจให้ผู้ประกอบการเสียภาษีอย่างถูกต้อง เพราะหากภาครัฐหรือหน่วยงานของรัฐปล่อยให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้ อาจทำให้ผู้ประกอบการที่ปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา ไม่สามารถอยู่รอดได้เพราะแข่งขันราคาสู้ไม่ได้ 

.

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการแข่งขันอยู่ในตลาดทั้งในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเกือบ 200 ราย หรือหากนับรวมทั่วประเทศน่าจะมีผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 250-300 ราย ฉะนั้นหากมีการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างตรงไปตรงมา เชื่อว่ารัฐจะสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้เกือบ 1,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมภาษีที่เก็บได้ต่อเนื่องอื่นๆ อีกจำนวนมาก

.

สำหรับยอดขายปีนี้คาดการณ์ยากมากซึ่งต้องประเมินกันเดือนต่อเดือน โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯมียอดขายแล้ว 98 ล้านบาท ทั้งนี้มีแนวโน้มว่าไตรมาส 2 นี้จะสามารถทำยอดขายได้สูงขึ้นกว่าช่วงไตรมาสแรก โดยประเมินจากปริมาณลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงแรก นางมาลี กล่าว