นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายการการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) โดยนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้างรายรับรายจ่ายของเงิน กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรักษาฐานะการเงินของกองทุนฯ และเพื่อส่งเสริมพลังงานทดแทน

โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ปรับเพิ่มการเก็บเงินน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดเข้ากองทุนฯ มีเพดานลิตรละ ไม่เกิน 4 บาท จากเดิมที่เก็บเงินน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดเข้ากองทุนฯ เพดานลิตรละไม่เกิน 2.50 บาท ซึ่งหากปรับเพิ่มเงินเข้ากองทุนฯดังกล่าวจะส่งผลให้มีเงินไหลเข้าเดือนละประมาณ 3,000 ล้านบาท สาเหตุที่ต้องพิจารณาปรับเพิ่มเงินเข้ากองทุนฯ เนื่องจากต้องรักษาฐานะให้กองทุนฯ สามารถชำระหนี้พันธบัตรงวดที่ 2 ซึ่งจะครบกำหนดต้องชำระในเดือนตุลาคม 2550 ซึ่งมียอดต้องจ่ายประมาณ 10,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้หากไม่มีการปรับเพิ่มการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ จะทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามที่กำหนด  เพราะจากการคำนวณกองทุนฯ มีเงินไหลเข้าลดลง เนื่องจากยอดการจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง กองทุนฯ มีภาระต้องชดเชยส่วนต่างราคาพลังงานทดแทน คือ การชดเชยแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น รวมถึงการชดเชยราคาน้ำมันไบโอดีเซล (B5) ประกอบกับมาตรการยกเลิกเบนซิน 95 เพื่อส่งเสริมให้ใช้แก๊สโซฮอล์ 95 แทน   ซึ่งจะทำให้กองทุนฯ ขาดรายได้ไปประมาณลิตรละ 2 บาท อย่างไรก็ตามการปรับเพิ่มเงินเข้ากองทุนฯ จะทยอยปรับ โดยพิจารณาตามความเหมาะสมในช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง