เนื้อหาวันที่ : 2009-04-20 09:35:59 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1493 views

เสนาฯ ชูกลยุทธ์ใกล้ชิดลูกค้า รับมือตลาดแข่งดุช่วง ศก.ซบการเมืองเดือด

เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่รับภาวะตลาดแข่งเดือด การเมืองร้อน มุ่งเพิ่มความใกล้ชิดกับลูกค้าและข้อมูลที่แท้จริงยิ่งขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการ

บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่รับภาวะตลาดแข่งเดือด การเมืองร้อน มุ่งเพิ่มความใกล้ชิดกับลูกค้าและข้อมูลที่แท้จริงยิ่งขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการ และปรับตัวได้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด เผยยังชูจุดแข็งสินค้าคุณภาพ ราคาสุดคุ้ม และบริการเยี่ยม หวังจูงใจลูกค้าซื้อบ้านช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว เพื่อรักษาฐานที่มั่นทางธุรกิจและผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้         

.

ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในภาวะซบเซา และการเมืองเริ่มกลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง ทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่แท้จริง                                              

.

โดยขณะนี้ได้เพิ่มช่องทางในการทำการตลาดและการขายให้ใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้นเพื่อให้รับทราบข้อมูลที่เป็นความต้องการที่แท้จริง และนำมาปรับใช้ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความใกล้ชิดกับข้อมูลรอบด้าน ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ เพื่อให้ทราบทิศทางและกำหนดแผนการขยายธุรกิจได้ตรงกับสถานการณ์ที่แท้จริง 

.

"จากการศึกษาความต้องการของลูกค้าอย่างเข้มข้นเราพบว่าช่วงนี้ลูกค้าที่สนใจจะซื้อบ้านเป็นลูกค้าที่ เล็งเห็นโอกาสจากการซื้อบ้านในช่วงปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการของทางภาครัฐที่ต้องการกระตุ้นการซื้อโดยขยายเวลามาตราการลดหย่อนค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง หรือกลไกของตลาดที่มีการแข่งขันทางด้านราคาของผู้ประกอบการ 

.

อย่างไรก็ตามในการซื้อบ้านการขอวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ ผู้ต้องการมีบ้านให้ความสนใจและลงในรายละเอียด การพิจารณาทางด้านรายได้กับความสามารถในการผ่อนชำระรายเดือน หลักเกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่อของทางธนาคาร เหล่านี้เป็นรายละเอียดที่ผู้ซื้อต้องพิจารณาถึง ซึ่งเราเองได้เข้าไปช่วยเหลือใกล้ชิดยิ่งขึ้น 

.

นอกจากนั้น จากการแข่งขันของตลาดลูกค้ายังมีความคาดหวังว่าจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ในราคาที่ต่ำลง ซึ่งเราก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีด้วยการปรับลดราคาลงประมาณ 10% ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ได้ตรงกับความต้องการ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ให้ความรู้กับลูกค้าด้วยว่าราคาไม่ใช้คำตอบสุดท้ายของการซื้อบ้าน แต่ต้องพิจารณาถึงการให้บริการ คุณภาพสินค้า และบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยว่ามีผลงานที่รับประกันคุณภาพได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุด" 

.

ดร.เกษรา กล่าวอีกว่า สำหรับเสนาดีเวลลอปเม้นท์ ถือว่ามีความพร้อมในการรับมือกับการแข่งขันที่ดุเดือดนี้ เพราะได้สำรวจความต้องการของลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง จนนำมาสู่การกำหนดกลยุทธ์และแคมเปญส่งเสริมการขายที่ตรงกับใจลูกค้าในช่วงที่ผ่านมา อาทิ แคมเปญ 'บ้านเสนา ที่ทำให้คุณ..ยิ้ม ยิ้มกับราคา ยิ้มกับบริการ' ด้วยการเพิ่มส่วนลดให้กับลูกค้าสูงสุดถึง10% ในโครงการบ้านดี่ยว ระดับราคา 2.8-5ล้านบาท

.

บ้านแฝด 1.9-2.4 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ 1.19 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่แท้จริงของเศรษฐกิจที่ ผู้บริโภคเน้นซื้อสินค้าที่มีคุณภาพดี มีราคาที่ย่อมเยาว์ลงเมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพสินค้า ขณะเดียวกันการให้บริการต้องดีและครบวงจรเหมือนเดิม ซึ่งแคมเปญดังกล่าวได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี 

.

ส่วนการขยายโครงการใหม่หลังจากนี้ จะไม่ทำในลักษณะเปิดโครงการใหม่ตามแผนงานที่วางไว้เพื่อ รอลูกค้าเข้ามาซื้อ แต่จะพิจารณาจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก โดยหากพบว่าทำเลใดที่บริษัทกำหนดว่าจะเปิดโครงการใหม่มีสัญญาณที่ดี ในเรื่องความต้องการสินค้า ก็จะเร่งเปิดโครงการขึ้นรองรับทันที ในลักษณะเป็นโครงการที่มีขนาดกะทัดรัดขึ้น 

.

สร้างเร็ว ขายเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องผลกระทบจากสถานการณ์แวดล้อมทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ดังนั้น ในช่วงนี้บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการใกล้ชิดข้อมูลเป็นพิเศษ เพื่อให้ปรับตัวได้ทันท่วงที ซึ่งโครงการที่จะเปิดใหม่หลังจากนี้ คือ เดอะ นิช ตากสิน ที่พบว่ายังคงมีโอกาสทางการตลาด 

.

"จากประสบการณ์ที่ เสนาฯอยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 30 ปี และผ่านวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ มาหลายครั้ง เชื่อว่าจะทำให้สามารถประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ไปได้เช่นเดียวกับครั้งอื่นๆ ที่ผ่านมา  โดยในขณะนี้บริษัทยังได้ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ที่1,200 ล้านบาท

.

ตามเป้าหมายเดิมที่ได้วางไว้พื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและกำลังซื้ออาจจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และเชื่อว่าการกำหนดแคมเปญส่งเสริมการขายที่ตรงกับใจผู้บริโภค จะทำให้บริษัทสามารถผลักดันยอดขายและรายได้ให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้

.

และล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.25% คาดว่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์มีทิศทางลดลงในอนาคต ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ซื้อบ้านและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยตรง แต่อย่างไรก็ตาม หากการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็เป็นเรื่องของอนาคตที่อาจต้องมาปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ และเป้าหมายรายได้ใหม่ อีกรอบ" ดร.เกษรา กล่าวในที่สุด