นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย ส.อ.ท., สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย มีมติ 6 ข้อ เพื่อฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจของประเทศและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง                                            

มติทั้ง 6 ข้อ ประกอบด้วย การสนับสนุนกระบวนการที่จะนำไปสู่ความเป็นเอกภาพและความสงบสุขในประเทศ, ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเสมอภาค, เร่งรัดการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม, สนับสนุนมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ โดยชี้แจงผ่านสื่อต่างประเทศและเวทีการประชุมนานาชาติ, สนับสนุนให้มีการนำประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองเข้าสู่กระบวนการรัฐสภา และ เร่งแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยไม่ใช้ความรุนแรง 

ส่วนกรณีที่รัฐบาลยังไม่พิจารณายกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน นายสันติ กล่าวว่า รัฐบาลคงมีความจำเป็นที่ยังต้องประกาศใช้อยู่ และรัฐบาลได้เร่งแก้ไขปัญหา ซึ่งเชื่อว่า ถ้ารัฐบาลเห็นว่าเหมาะสมก็คงจะประกาศยกเลิก โดยนายกรัฐมนตรีรับรู้อยู่แล้วว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก ฉุกเฉิน เป็นเวลานานเกินไปจะไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นของประเทศ

สำหรับสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้นส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ รวมไปถึงอุตสาหกรรมขายของที่ระลึก ซึ่งยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้ในขณะนี้ ส่วนจะส่งผลให้จีดีพีของประเทศขยายตัวติดลบมากน้อยเพียงใดนั้นจะต้องรอประเมินในช่วง 2 ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ว่าแนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศจะเป็นอย่างไร แต่จีดีพีและการส่งออกของประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวติดลบอย่างแน่นอน 

นายสันติ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ถูกลอบยิง ว่า ทางฝ่ายรักษากฎหมายคงจะเร่งดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว 

ด้านนายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า รัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็ว เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย โดยไม่ใช้ความรุนแรง เพราะประชาชนส่วนใหญ่แสดงจุดยืนว่าไม่ต้องการให้ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง