เนื้อหาวันที่ : 2006-10-11 07:42:56 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1591 views

ธสน.- เจบิกหนุนเอกชนลงทุนพลังงานทดแทนในประเทศเพื่อนบ้าน

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หนุนเอกชนไทยลงทุนธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ และแก๊สโซฮอลล์ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง

สำนักข่าวไทยรายงานข่าวเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ร่วมกับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) สนับสนุนเอกชนไทยลงทุนธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ (Bio Fuel) และแก๊สโซฮอลล์ในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (จีเอ็มเอส) ส่วนโครงการเงินกู้ 4,000 ล้านบาท ที่ปล่อยให้รัฐบาลพม่า ยืนยัน ธสน.ยังได้รับผลตอบแทนตามเกณฑ์ปล่อยกู้ แต่การตรวจสอบเป็นอีกส่วนหนึ่ง

.

ธสน. และเจบิกร่วมกันจัดสัมมนา  โอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและเชื้อเพลิงชีวภาพบริเวณอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงหรือกลุ่มประเทศจีเอ็มเอส  ประกอบด้วยไทย จีนตอนใต้ ลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนาม โดยนายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริหาร ธสน. กล่าวว่า ปัญหาวิกฤติพลังงานโลกกลายเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะต้องแสวงหาแหล่งพลังงานทดแทนจากประเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะจากลาวและพม่า โดยพลังงานทดแทนที่ ธสน. และเจบิกสนับสนุนเอกชนเข้าไปลงทุนในประเทศจีเอ็มเอส ได้แก่ เชื้อเพลิงชีวภาพ (Bio Fuel) และแก๊สโซฮอลล์ ซึ่งได้จากพืชต่าง ๆ อาทิ สบู่ดำ มันสำปะหลัง และอ้อย

.

สำหรับการเพาะปลูกพืชเหล่านี้เพื่อป้อนโรงงานผลิตพลังงานทดแทนจำเป็นต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ประเทศไทยไม่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เหลือมากนัก จึงจำเป็นต้องไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ยังถือเป็นโอกาสดีที่จะปรับโครงสร้างภาคเกษตรกรรมของไทยและยังใช้เป็นโอกาสส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอีกด้วย สำหรับธุรกิจที่อยู่ในข่ายได้รับการสนับสนุนจะต้องมีความสามารถในการประกอบธุรกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากใช้ทุน เทคโนโลยี และความสามารถในการบริหารระดับสูง ส่วนพื้นที่เพาะปลูกจะต้องมีขนาดอย่างน้อย 1,000 ไร่ ระยะเวลาดำเนินงานแต่ละแปลง 50 ปี

.
ส่วนกรณีโครงการเงินกู้ 4,000 ล้านบาท ที่ ธสน.ปล่อยกู้ให้แก่ Myanma Foreign Trade Bank (MFTB) นั้น นายณรงค์ชัย กล่าวว่า จะต้องแยกในส่วนของ ธสน. และการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกจากกัน โดยในส่วนของ ธสน. ยังคงได้รับดอกเบี้ยตรงเวลาจาก MFTB และทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบ แต่ในส่วนของ คตส. นั้นเป็นเรื่องของการตรวจสอบที่ต้องดำเนินการต่อไป