เนื้อหาวันที่ : 2009-04-07 10:49:27 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1548 views

BANPUเริ่มทำสัญญาขายล่วงหน้าปี 53 เล็งซื้อโรงไฟฟ้า-เหมืองในเอเชียเพิ่ม

บมจ.บ้านปูเร่งทำสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้าของปี 52 ให้ครบ 85% ตามเป้าหมายในเร็ว ๆ นี้ ขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 60% ไม่นับรวมขายในตลาดอนุพันธ์อีก 15% หรือ 3 ล้านตัน เชื่อว่าจะได้ราคาขายเฉลี่ยทั้งปีตามที่ตั้งเป้าไว้ที่ 72 เหรียญสหรัฐ/ตันเท่ากับปีก่อน

บมจ.บ้านปู ( BANPU) เร่งทำสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้าของปี 52 ให้ครบ 85% ตามเป้าหมายในเร็ว ๆ นี้ โดยขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 60% ไม่นับรวมขายในตลาดอนุพันธ์อีก 15% หรือ 3 ล้านตัน เชื่อว่าจะได้ราคาขายเฉลี่ยทั้งปีตามที่ตั้งเป้าไว้ที่ 72 เหรียญสหรัฐ/ตันเท่ากับปีก่อน                                                                 

.

และเริ่มเข้าทำสัญญาขายล่วงหน้าสำหรับปี 53 ทั้งการขายตรงกับลูกค้าและในตลาดอนุพันธ์ เหตุไม่แน่ใจสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันไม่ได้ทิ้งโอกาสที่จะเข้าซื้อกิจการธุรกิจโรงไฟฟ้าและเหมืองถ่านหินในแถบเอเชียที่ราคาขายน่าสนใจ 

.

"ปัจจุบันเราขายล่วงหน้าไปแล้วกว่า 60% ที่มีราคาแน่นอน และขายล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์ รวมๆแล้วได้ราคา 70 กว่าเหรียญฯเพราะฉะนั้น เราพยายามขายให้ได้เท่ากับปีที่แล้ว...คิดว่าที่เราตั้งเป้าราคาขายไว้ที่ 72 เหรียญ/ตัน ก็น่าจะทำให้รายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10%" นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU กล่าว ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะขายถ่านหินได้จำนวน 20.5 ล้านตัน เพิ่มจากปีก่อนที่มียอด 18 ล้านตัน 

.

นายชนินท์ ยังกล่าวว่า บริษัทได้เริ่มบริหารการขายถ่านหินของปี 53 โดยเริ่มขายให้กับลูกค้าที่มีสัญญาระยะยาว 3 -5 ปี และขายล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์ เนื่องจากเห็นว่าราคาถ่านหินมีความผันผวน และไม่รู้ราคาจะปรับลงไปอีกหรือไม่อย่างไร โดยปกติราคาน้ำมันและถ่านหินจะอยู่ในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากความต้องการลดลง ซึ่งส่วนใหญ่โรงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมผลิตปูนซิเมนต์ใช้ถ่านหินจำนวนมาก 

.

แต่ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดสัดส่วนที่จะทำสัญญาขายล่วงหน้า แต่ได้หันมาขายให้กับลูกค้าในจีนและอินเดียมากขึ้น แทนเกาหลีใต้และประเทศอื่นในแถบเอเชีย ที่รอราคาปรับลดลงกว่านี้ โดยราคาถ่านหินขึ้นอยู่กับประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ใช้รายใหญ่ ทั้งนี้ ราคาถ่านหิน BJI Spot เมือ 2 เม.ย. ปรับลงมาที่ 61 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากสิ้นปี 51 ที่อยู่ในระดับกว่า 70 เหรียญสหรัฐ/ตัน

.

นายชนินท์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะเน้นการบริหารความเสี่ยงทั้งราคาถ่านหิน และ อัตราแลกเปลี่ยน โดยในส่วนของค่าเงินบาทนั้น หากเงินบาทอ่อนค่าลงก็จะช่วยทำให้กำไรสุทธิของบริษัทดีขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.2 พันล้านบาท โดยแนวโน้มกำไรจากโรงไฟฟ้ามีสัดส่วน 25-30% ส่วนรายได้คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5 หมื่นล้านบาท        

.

เล็งซื้อกิจการโรงไฟฟ้า-เหมืองถ่านหิน นายชนินท์ กล่าวว่า บริษัทมองเห็นโอกาสเข้าซื้อกิจการในธุรกิจโรงไฟฟ้าและถ่านหิน โดยมองในประเทศแถบเอเชียเป็นหลัก โดยขณะนี้ก็เห็นว่าหลายเหมืองถ่านหินทั้งในอินโดนีเซียและออสเตรเลีย เริ่มมีการเจรจาซื้อขายกันบ้างแล้ว นอกจากนี้มีแนวโน้มว่าลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมได้อีก 

.

"เราเห็นโอกาสซื้อเหมืองเพิ่ม เริ่มที่จะมีการเสนอขายเหมืองกัน บ้านปูคงไม่ทำหลายอย่าง ยังเน้นธุรกิจถ่านหินและโรงไฟฟ้า ...เราจะซื้อเข้ามาเพิ่มทั้งกิจการไฟฟ้าและเหมืองถ่านหิน  เราดูเอเชียเป็นหลัก" นายชนินท์ กล่าว  นอกจากนี้ บริษัทกำลังทบทวนแผนลงทุน 5 ปี ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปลายปี 52