เนื้อหาวันที่ : 2009-03-27 09:08:36 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2043 views

สหรัฐเผย GDP ไตรมาส 4 หดตัว 6.3% หลังยอดส่งออก ตัวเลขใช้จ่ายผู้บริโภคทรุด

สหรัฐฯ เผยจีดีพีประจำไตรมาศ 4 หดตัวลง 6.3% ต่อปีซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวลงครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2525 ไอเอ็มเอฟ คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะหดตัว 2.6% ในปี 2552 มากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 หดตัวลง 6.3% ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวลงครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2525 แต่ยังหดตัวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้                                             

.

ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 จะหดตัวลง 6.6% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับติดลบหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2523 

.

กระทรวงพาณิชย์กล่าวในแถลงการณ์ว่า "ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ที่หดตัวลงสะท้อนให้เห็นถึงการร่วงลงของยอดส่งออก ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และอัตราการลงทุนในทุกภาคส่วน รวมถึงการลงทุนด้านอุปกรณ์และซอฟท์แวร์ แม้รัฐบาลสหรัฐพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในภาคเอกชนก็ตาม" 

.

ทั้งนี้ ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐในไตรมาส 4 ลดลง 4.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ของปีพ.ศ.2523 ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายภาคธุรกิจลดลง 28.1% 

.

ขณะที่กลุ่มบริษัทก่อสร้างได้ปรับลดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลง 21.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งใหญ่สุดในรอบ 34 ปี ส่วนยอดส่งออกในไตรมาส 4 ดิ่งลง 32% 

.

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัว 2.6%ในปีพ.ศ.2552 มากกว่าเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวลงเพียง 1.6% ซึ่งการทบทวนตัวเลขคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟมีขึ้นหลังจากธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะหดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และคาดว่าการค้าทั่วโลกจะถดถอยลงรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน