เนื้อหาวันที่ : 2006-02-19 01:21:46 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 3419 views

ความเคลื่อนไหวราคาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ปี 2006

อิเล็กทรอนิกส์ที่เคยตกต่ำอย่างรุนแรงในด้านราคาของอุปกรณ์ น่าจะผ่อนคลายลงในปี 2006 และระดับของ Inventory ที่เคยลดลงจะเข้าสู่สมดุลทั้งดีมานด์และซัพพลาย นักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนี้ส่วนมาก เห็นตรงกันถึงแนวโน้มที่เกิดขึ้นในปี 2004 และ 2005 โดยในปี 2005 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ตกต่ำลงอย่างนุ่มนวล (soft landing) หลังจากเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2004 ภาพรวมดีมานด์เครื่องมือและอุปกรณ์ปลายปี 2005 ยังคงดีอยู่ รายงานนี้จะช่วยให้คุณได้ทราบว่าแนวโน้มราคาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในปี 2006 เป็นอย่างไรบ้าง

ราคาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เคยตกต่ำอย่างรุนแรง น่าจะผ่อนคลายลงในปี 2006 และระดับของ Inventory ที่เคยลดลงจะเข้าสู่สมดุลทั้งดีมานด์และซัพพลาย รายงานนี้จะช่วยให้คุณได้ทราบว่าแนวโน้มราคาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในปี 2006 เป็นอย่างไรบ้าง

.

อัตราการเจริญเติบโตในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2006 จะคล้ายๆ กับปี 2005 แต่ต่างไปที่ราคาของอุปกรณ์ ซึ่งมีการทรงตัวและกำลังปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างช้าๆ นักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนี้ส่วนมาก เห็นตรงกันถึงแนวโน้มที่เกิดขึ้นในปี 2004 และ 2005 โดยในปี 2005 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ตกต่ำลงอย่างนุ่มนวล (soft landing) หลังจากเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2004 ภาพรวมดีมานด์เครื่องมือและอุปกรณ์ปลายปี 2005 ยังคงดีอยู่ แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกจะมีสินค้าคงคลังส่วนเกิน และกำลังการผลิตส่วนเกินในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หลายๆ ประเภท ผลคือทำให้อัตราการเติบโตของรายได้น้อยกว่าปี 2004

 .

รายได้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 245.6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2006 เป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้น

 .
ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โตประมาณ 7 % ในปี 2005 หลังจากเติบโต 28% ในปี 2004 อุตสาหกรรมชิป จะโต 8% ในปี 2006 ไปสู่ระดับ 245 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า อัตราการเติบโตส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นครึ่งหลังของปี
 .

ด้วยสินค้าคงคลังในระดับสูงเป็นทุนมาจากปี 2005 และบริษัทเซมิคอนดักเตอร์กำลังตัดค่าใช้จ่าย ซัพพลายจะเข้าสู่สมดุลมากขึ้นด้วยดีมานด์ของปี 2006 ทำให้ราคาอุปกรณ์ต่างๆ ลดลงไม่มาก ราคาโดยภาพรวมสำหรับเซมิคอนดักเตอร์สำหรับปีนี้ควรจะนิ่ง อย่างไรก็ตามยังมีอุปกรณ์บางตัวราคาลดลง เช่น DRAMs, flash และ digital signal processor ด้วยอัตราการลดลงที่น้อยกว่าปี 2005

 .

Buyer ยังสามารถคาดอีกด้วยว่า ราคาของ connector จะลดลงประมาณ 3% Tags ลดลง 7-8% เมื่อเร็วๆ นี้ ราคาที่ลดลงนี้เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ passives ซึ่งราคาจะลดลงประมาณ 3-4% ในขณะที่ปีก่อน Tags ราคาลดลงประมาณ 6-9%

 .

ในปี 2006 ความต้องการอุปกรณ์ (component) จะมีความแข็งแรง แม้ว่าไม่เด่นมาก โดยได้รับแรงหนุนจาก คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G และเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป (consumer electronics equipment)

 .

นักวิเคราะห์มองว่า ในครึ่งแรกของปี 2006 ธุรกิจจะยังคงอ่อนแอ แต่จะดีขึ้นในครึ่งหลังของปี มีความเชื่อว่า รอบขาขึ้นในอุตสาหกรรมนี้กำลังจะมา โดยจะเริ่มต้นครึ่งหลังของปี 2006 และจะส่งผลให้แข็งแกร่งขึ้นในปี 2007

 .

PCs แรงขับเคลื่อนการเติบโต

อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ แม้จะมีอัตราการเติบโตแข็งแกร่งในระบบสื่อสาร อุปกรณ์คอมพิวเตอร์จะรับในส่วน IC (integrated circuit) ไปครึ่งหนึ่งของยอดขายรวมในปี 2005 คือ 96.5 พันล้านเหรียญ (ข้อมูลจาก IC insights) ในความเป็นจริงระบบคอมพิวเตอร์ได้รับครึ่งหนึ่งของยอดขายไอซี มาตั้งแต่ปี 1990 ตลาดของ Computer IC โตประมาณ 7.3% ในปี 2005 จากยอด 89.9 พันล้านเหรียญ ในปี 2004 เป็นสองเท่าของตลาด Communication IC 

 .
อายุการใช้งานของพีซีรวมถึงการใช้พลังงานถูกมองว่าเป็นจุดอ่อน แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไร เพราะยังมีการเติบโตด้วยตัวเลขสองหลักในอุตสาหกรรม PCs ตัวเลขที่ส่งออกขายจะโตราว 10% คิดเป็น 232 ล้านชุด (ข้อมูล iSuppli) เหตุผลหลักมาจากความต้องการของประเทศที่กำลังพัฒนา มีการใช้ PC และ Notebook มากขึ้น
 .

ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วจะเน้นการเติบโตของ Notebook มากกว่า PC ทำให้เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอุปกรณ์จำพวก ไมโครโพรเซสเซอร์ หน่วยความจำ และIC ในปี 2006

 

จำนวนหน่วยความจำที่ใช้ในพีซี จะเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการ DRAM เพิ่มด้วย

 .

โทรศัพท์มือถือ มีส่วนผลักดันให้เกิดความต้องการใช้อุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์พาสซีพ แม้ว่าอัตราการเติบโตของโทรศัพท์มือถือในปี 2006 จะไม่มากนัก คาดว่าจะมีการส่งมอบอยู่ 780 ถึง 810 ล้านเครื่อง การใช้เซมิคอนดักเตอร์ในโทรศัพท์เคลื่อนที่และระบบ 3G ในปี 2006 มีมูลค่าราว 42 ถึง 55 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ต่อเครื่อง ซึ่งส่วนใหญ่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ มักถูกผนึกรวมกันอยู่ในชุดเดียวกัน อาทิเช่น flash memory, digital signal processors, graphic drivers, capacitors และ connectors

 .

Consumer Electronics (CE) เป็นอุปกรณ์อีกกลุ่มหนึ่งที่ผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2006 ตลาด CE จะเติบโตจาก 287 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ สู่ระดับ 301.4 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ สำหรับแนวโน้มราคาแต่ละประเภทอุปกรณ์เป็นอย่างไร มีข้อมูลสรุปเป็นกราฟดังนี้

 .

DRAMS

คาดการณ์ว่า ราคาDRAM จะลดลง 2% ในปี 2006 ราคาเฉลี่ยจะลดลงจาก 3.65 สู่ระดับ 3.57 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะ หน่วยความจำสูงๆ เช่น 1GB, 512GB ส่วนที่ลดลงไม่มากจะเป็นขนาดหน่วยความจำ 128 MB และ 256 MB อย่างไรก็ตาม แม้ราคาจะลดลง แต่อัตราการเติบโตประมาณ 9% จาก 26.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ มาเป็น 28.8 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ความต้องการ DRAM จะมีอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ราว 10% ส่วนหน่วยความจำเฉลี่ยในแต่ละเครื่องจะเปลี่ยนจาก 625 MB ในปี 2005 มาเป็น 850 MB ในปี 2006 ทิศทางในอนาคต จะมีการหันมาใช้ DDR2 (double data rate 2 ) แทน DDR1 เพราะมีความสามารถสูงกว่า แต่ไม่ได้เป็นหลักของสถาปัตยกรรมในตอนนี้  ความต้องการ DDR2 จะมากไปถึงปี 2007

 .

ราคาเฉลี่ยของ DRAM จะดีเฉพาะในส่วนของ 512 MB และ 1 GB

 .

MICROPROCESSORS

คาดการณ์ว่า ราคาของไมโครโพรเซสเซอร์จะคงที่ ในปี 2006 ราคาเฉลี่ย MPU จะอยู่ที่ 105.5 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม มิได้หมายความว่า ราคาของโพรเซสเซอร์ทั่วไปราคาจะไม่ลดลง เพราะมีการคาดว่า Intel และ AMD จะลดราคาโพรเซสเซอร์ลงภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตชิปจะมีการแนะนำชิปตัวใหม่ที่ประมวลผลได้เร็วกว่า ซึ่งราคาจะยังคงสูงอยู่  ในขณะที่โพรเซสเซอร์เก่าจะมีราคาลดลง ทำให้เฉลี่ยแล้วคงเดิมสำหรับปีนี้ แนวโน้มสำคัญ การเติบโตของการใช้ 64-bit processor ในปี 2005 เป็นสองเท่า ส่วนในปี 2006 จะมีการใช้ 64-bit processor มากถึง 82% ของจำนวนโพรเซสเซอร์ทั้งหมด และที่เหลือจะเป็นการใช้ MPU 64-bit ซึ่งภายใน 10 ปี จะครองตลาดโพรเซสเซอร์ทั้งหมด

 .

DIGITAL SIGNAL PROCESSORS

 

ราคาเฉลี่ยของ DSP ที่ 6.18 เหรียญดอลลาร์สหรัฐในปี 2005 จะตกลงมาอยู่ที่ระดับ 5.69 เหรียญในปี 2006

 .

มีการคาดการณ์ว่าราคาของ DSP จะตกลงราว 2% ราคาเฉลี่ย DSP จะลดลงจาก 5.81 มาอยู่ที่ 5.69 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ  ส่วนตลาดของ DSP ลดลง 3% ในปี 2005 จะโตขึ้นในปี 2006 ระดับ 9% มูลค่า 8.2 พันล้านในปี  2006 ด้วยการขับเคลื่อนของการเติบโตในโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G และ VOIP (voice-over Internet Protocol  แนวโน้มสำคัญ อุตสาหกรรมยานยนต์จะมีส่วนช่วยผลักดันการเติบโตของอุปกรณ์ DSP ได้เป็นอย่างดี เพราะรถยนต์ยุคใหม่จะเพิ่มความบันเทิงและระบบสื่อสารเข้าไปด้วยเสมอ ซึ่ง DSP จะมีส่วนตรงนี้

.
CONNECTORS

มีการคาดการณ์ว่า Connector tags จะลดลง 3% ในปี 2006 ราคาในช่วง 2001-2003 มีการผลิต Connector ในประเทศจีนทำให้ราคาลดลงราว 7-8% ต่อปี เนื่องจากผู้ผลิตในจีนต้องการเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดให้มากจึงลดราคาลง แนวโน้มสำคัญ ผู้ผลิตพยายามที่จะปรับขึ้นราคาของ connector เนื่องจากวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถปรับขึ้นได้มากนัก

 .
CAPACITORS

มีการคาดการณ์ว่า ราคาของคาปาซิเตอร์จะลดลงราว 4-5% แม้จะมีการเติบโตของยอดการใช้ในปี 2006 โดยในแต่ละปียอดการใช้คาปาซิเตอร์เพิ่มขึ้น 10-15% แต่ราคายังคงลดลงต่อเนื่อง เพราะการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศจีนและประเทศในแถบเอเชีย แนวโน้มสำคัญ จะมีการแข่งขันกันมากขึ้นในเอเชีย อย่างน้อย 4-6ราย โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีการซื้อวัตถุดิบราคาต่ำจากซัพพลายเออร์ภายในประเทศ ตลาดทั่วโลกจะโตเล็กน้อยเพิ่มจาก 13.9 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ในปี2005 มาสู่ระดับ 14.3 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในปี 2006

 

ความต้องการของคาปาซิเตอร์จะยังคงแข็งแกร่งแต่จะอยู่ภายใต้แรงกดดันราคาทำให้ตลาดโตอย่างจำกัด

.

FLASH MEMORY

คาดการณ์ว่า ราคาของ flash memory จะลดลงประมาณ 1% จากระดับ 4.51 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2005 มาอยู่ที่ 4.48 เหรียญดอลลาร์สหรัฐในปี 2006 แต่ราคาจะลดลงมากใน NAND flash ซึ่งจะลดลงราว 12% ในขณะที่ NOR flash จะลดลงที่ 7% ภาพรวมของตลาด flash memory จะโต 22% มาอยู่ที่ 22.6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนมากมาจากการโตของ NAND flash ที่ใช้ใน data storage และ โทรศัพท์เคลื่อนที่ และ Consumer Electronics ตลาด NAND โต 38% จาก 10.6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัญ มาอยู่ที่ 14.6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ส่วน NOR flash 7.9 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐมาอยู่ที่ระดับ 8.0 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ การเติบโตของ NAND flash นี้จะเป็นผลมาจากการขายโทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล MP3 player เช่น Apple’s iPod แนวโน้มสำคัญ อาจเกิดการขาดแคลน NAND ในปี 2006 เนื่องจากความนิยมในการนำไปใช้ในหลายๆ คอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ รายใหญ่อย่าง ซัมซุมและแอปเปิล มีความต้องการใช้จำนวนมาก และมีการทำสัญญาซื้อล่วงหน้าไว้แล้ว

 

NOR flash memory จะอยู่ภายใต้ความกดดันด้านราคาทำให้ค่าเฉลี่ยในปี 2006 จะอยู่ที่ 2.56 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ