เนื้อหาวันที่ : 2009-03-20 09:44:09 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1113 views

"มาร์ค" แจงจำเป็นต้องออก พ.ร.ก.รองรับกู้เงินฟื้นศก

อภิสิทธ์ ดิ้นเร่งออก พ.ร.ก. รองรับกู้เงิน ฟื้นเศรษฐกิจ ตัดพ้อรัฐฯ มีทางเลือกเพียง 3 ทาง เพราะจัดเก็บรายได้ลดลงการก่อหนี้เพิ่มถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด วอนประชาชนอย่าวิตก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางการออก พ.ร.ก.เพื่อรองรับการกู้เงินที่จะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะปานกลางถึงระยะยาว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลดลงมากกว่าที่ประมาณการไว้และรัฐบาลจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น หากรัฐบาลนิ่งเฉยก็จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาว่างงานมากขึ้นอีก                                             

.

ทั้งนี้ รัฐบาลมีทางเลือกเพียง 3 ทาง ที่จะเพิ่มรายได้ให้รัฐบาล  คือ การเก็บภาษีเพิ่มขึ้น  การขายสมบัติของชาติ และการกู้เงิน ซึ่งแนวทางสุดท้าย ถือว่ามีความเหมาะสมที่สุด เพียงแต่มีข้อติดขัดเรื่องข้อกฎหมายที่จะต้องแก้ไข 

.

"หลักการที่ว่าหากการส่งออกหดตัวตามการค้าโลก รายได้ส่วนนี้จะหายไปมาก ซึ่งจะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลลดน้อยลงด้วย  และจะกระทบต่อให้การนำเข้าลดลงตาม หากรัฐบาลนิ่งเฉยจะยิ่งทำให้คนตกงานมากขึ้น"นายอภิสิทธิ์ กล่าว 

.

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การประชุมครม.สัปดาห์หน้า(24 มี.ค.)จะมีการพิจารณาเกี่ยวกับแผนงานการใช้จ่ายการลงทุนภาครัฐ ถึงความจำเป็นของการจัดหาแหล่งเงินทุนจากแหล่งใด และมีวงเงินรวมเท่าไร โดยเป็นแผนการลงทุนระยะ 2-3 ปีข้างหน้า 

.

และวันที่ 24 มี.ค.นี้ รัฐบาลจะนำกรอบกู้เงินระยะสั้นเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องนำไปใช้ลงทุนในโครงการพื้นฐานบางส่วนที่จะเริ่มได้ในครึ่งหลังของปี 52 หรือ ไตรมาส 4/52 ส่วนแผนงานระยะยาว รัฐบาลก็ต้องเตรียมการ โดยต้องประเมินจากเศรษฐกิจโลกก่อน เพราะหากช่วง 2-3 ปีจากนี้เศรษฐกิจโลกยังไม่ดีขึ้น รัฐบาลก็จำเป็นต้องมีแผนรองรับ 

.

นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่สามารถประเมินตัวเลขเศรษฐกิจไทยได้ชัดเจน เนื่องจากต้องรอประเมินสถานการณ์ของเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก และต้องทำความเข้าใจด้วยว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกขณะนี้ยังไม่นิ่ง แต่รัฐบาลไม่ได้ประมาท มีการเตรียมตัว ซึ่งคาดหวังให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเป็นบวกได้ในไตรมาส 4/52