เนื้อหาวันที่ : 2009-02-10 13:27:18 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1449 views

ส.อ.ท.แนะรัฐเร่งรับมือหลังอุตฯเครื่องใช้ไฟฟ้า-ไอทีมีแนวโน้มลดคนเพิ่ม

ส.อ.ท. เผย ขณะนี้บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิคส์ ในไทย เริ่มมีสัญญาณการปรับลดพนักงานแล้ว หลังจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มมีการปรับลดพนักงานลง เนื่องจากมีการลดกำลังการผลิตตามยอดคำสั่งซื้อที่ลดลง

นายพยุงศักดิ์  ชาติสุทธิผล  รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิคส์ ในไทย เริ่มมีสัญญาณการปรับลดพนักงานแล้ว  หลังจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มมีการปรับลดพนักงานลง เนื่องจากมีการลดกำลังการผลิตตามยอดคำสั่งซื้อที่ลดลง 

.

ทั้งนี้ ทาง ส.อ.ท. ได้มีการหารือทั้งระหว่างภาคเอกชนด้วยกัน และหารือร่วมกับภาครัฐเพื่อวางมาตรการรองรับต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากมีการปลดลดพนักงานลงอีก

.

อย่างไรก็ตาม ผลกระทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น มาตรการแรกที่ผู้ประกอบการ ดำเนินการ เพื่อลดต้นทุน คือการปรับลดชั่วโมงการทำงาน และเตรียมแผน การอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น  ขณะที่การปลดลดพนักงานจะเป็นมาตรการสุดท้ายที่ดำเนินการ

.

"หากคำสั่งซื้อลดลงก็จะส่งผลกระทบต่อพนักงานด้วย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบแรกๆ คือ ประเภทสินค้าคงทน ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่จำนวนคนงานขึ้นอยู่กับยอดคำสั่งซื้อ" นายพยุงศักดิ์ กล่าว

.

นายพยุงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ความต้องการสินค้าคงทุนใน Q1/52 ยังชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ เพื่อรอดูสถานการณ์ต่างๆ ขณะนี้ คาดว่า Q2/52 การฟื้นตัวของความต้องการของสินค้าคงทน น่าจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นและมีความชัดเจนขึ้น

.

ทั้งนี้ มองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก ดังนั้นการพึ่งพาการใช้จ่ายในประเทศ ถือเป็นปัจจัยหลัก เพื่อทดแทนการส่งออกที่ลดลง และต้องเร่งเจาะตลาดส่งออกใหม่ ๆ เพื่อทดแทนตลาดคู่ค้าเดิมที่มีปัญหา ขณะที่ภาคเอกชน

.

โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ได้มีหารือกับรัฐบาลอย่างต่อเนื่องเพื่อวางมาตรการแก้ปัญหาต่างๆ และเชื่อว่า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลทยอยประกาศใช้ โดยเฉพาะการจัดทำงบกลางปี ที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ในเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้   และจะเริ่มเห็นผลทางเศรษฐกิจ ช่วง Q2/52

.

ส่วนการเดินทางโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นจากกับนักลงทุน รวมถึงสร้างความเข้าใจถึงนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล และจะเป็นโอกาสที่กระตุ้นการลงทุนในประเทศได้