เนื้อหาวันที่ : 2009-01-15 17:48:04 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1126 views

สุชาติ สับ "มาร์คษิโณมิกซ์" นโยบายประชานิยมหลอนประชาชน เชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สำเร็จ

สุชาติ อดีต รมต.คลัง สับแหละนโยบายประชานิยมมาร์คษิโณมิกซ์ หว่านเงินซื้อใจประชาชน 300,000 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจไม่แก้ไขปัญหาและไปไม่ถึงกลุ่มประชาชนภาคเกษตรหรือภาคแรงงานที่มีปัญหาความเดือดร้อน แต่คนชั้นกลางได้เงินกินฟรี ๆ ไม่เชื่อรัฐบาลนี้แก้ปัญาหาคนยากจนที่มีมากในสังคมสำเร็จ

สุชาติ อดีต รมต.คลัง สับแหละนโยบายประชานิยมมาร์คษิโณมิกซ์ หว่านเงินซื้อใจประชาชน 300,000 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจไม่แก้ไขปัญหาและไปไม่ถึงกลุ่มประชาชนภาคเกษตรหรือภาคแรงงานที่มีปัญหาความเดือดร้อน แต่คนชั้นกลางได้เงินกินฟรี   ไม่เชื่อรัฐบาลนี้แก้ปัญาหาคนยากจนที่มีมากในสังคมสำเร็จ

.

นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการจัดงานโครงการเอเชียวิชาการปี 2552 หัวข้อ "แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2552" โดยมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาหัวข้อ "แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้" โดยเฉพาะแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ โดยเห็นว่ามาตรการที่รัฐบาลจะเตรียมใช้เงิน 300,000 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจนั้น มีหลายมาตรการที่เชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

.

โดยเฉพาะมาตรการการนำเงิน 2,000 บาท ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเห็นว่ามาตรการเหล่านี้เมื่อมีการจ่ายเงินไปแล้วไม่ได้ส่งผลต่อการจ้างงานหรือสร้างรายได้ที่จะทำให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัว แต่จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยที่เป็นค่าใช้จ่ายมากกว่า นอกจากนี้ ก็ไม่ได้ไปถึงกลุ่มประชาชนในภาคเกษตรหรือภาคแรงงานที่มีปัญหาความเดือดร้อนได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ แต่เงินดังกล่าวกลับไปก่อประโยชน์กับคนชั้นกลางมากกว่า

.

ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เห็นว่าน่าจะเกิดประโยชน์นั้น เช่น การสานต่อโครงการเอสเอ็มแอล การให้เบี้ยเลี้ยงดูผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาได้ริเริ่มไว้และรัฐบาลปัจจุบันได้สานต่อ ส่วน 5 มาตรการที่รัฐบาลได้หยิบมาดำเนินการต่อ เช่น โครงการรถไฟ รถเมล์ และค่าสาธารณูปโภคอื่น ๆ ฟรี เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ ซึ่งที่ผ่านมามาตรการดังกล่าวก็เป็นมาตรการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอให้รัฐบาลนายสมัคร ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

.

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจปีนี้ เชื่อว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 0-2 ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกันและปัญหาความแตกแยกในสังคมที่ยังไม่หมดไป และที่สำคัญปัญหาความเชื่อมั่นจากต่างประเทศที่เกิดจากความขัดแย้ง ซึ่งเปรียบเสมือนคนไทยมีร้านขายข้าวแกง แต่คนในร้านทะเลาะกันก็ไม่มีลูกค้าอยากเข้าร้าน ก็เปรียบเสมือนนักลงทุนที่ไม่อยากเข้ามาลงทุนในประเทศ หากยังมีปัญหาความขัดแย้ง

.

ส่วนคำถามเชื่อมั่นหรือไม่ว่ารัฐบาลปัจจุบันจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ นายสุชาติ กล่าวว่า รัฐบาลที่มาจากคนชั้นไหนก็จะมุ่งแก้ปัญหาให้คนชั้นนั้น ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันมาจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่มาจากคนชั้นกลางของสังคม เชื่อว่าจะมุ่งทำประโยชน์ให้แก่คนชั้นกลาง และไม่เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะมุ่งแก้ปัญาหาให้แก่คนยากจนที่มีมากในสังคม

.

นายสุชาติ ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลปัจจุบันโชคดีกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา เนื่องจากการดำเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ สามารถทำได้ราบรื่น เนื่องจากมีสิ่งแวดล้อมที่ดีและมีคนสนับสนุน ขณะที่รัฐบาลที่ผ่านมาจะทำนโยบายหรือใช้มาตรการก็มีคนจ้องจับผิด

.

ด้านนายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ในการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจโลกปีนี้ที่ประสบภาวะวิกฤติและจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยพบว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้ที่มีภาวะถดถอยทั้งในภูมิภาคสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกไม่ถึงร้อยละ 1 ถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 40-50 ปี

.

เชื่อว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกอย่างหนัก โดยปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทยที่ปีนี้อาจจะติดลบหรือไม่ขยายตัว รวมทั้งหากประเทศไทยส่งออกลดลงก็จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออก และอาจนำมาซึ่งการเลิกจ้าง ทำให้มีคนตกงานจำนวนมาก.

.

เรียบเรียงจาก : สำนักข่าวไทย