เนื้อหาวันที่ : 2006-09-18 09:31:52 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1464 views

แนวโน้มใหม่ของอุตสาหกรรมสตอเรจความท้าทายใหม่ของธุรกิจ

แอพพลิเคชัน ได้กลายเป็นตัวผลักดันที่สำคัญในกระบวนการธุรกิจและการตัดสินใจ มีผลต่อการเติบโตขององค์กร, ความเสี่ยง และผลกำไร และยุทธศาสตร์การตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง

แอพพลิเคชัน ได้กลายเป็นตัวผลักดันที่สำคัญในกระบวนการธุรกิจและการตัดสินใจ มีผลต่อการเติบโตขององค์กร, ความเสี่ยง และผลกำไร  ด้วยก่อนหน้านี้ยุทธศาสตร์การตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูงจะเน้นไปที่การนำข้อมูลที่ถูกต้องไปใช้กับบุคคลที่เหมาะสมในเวลาที่ถูกต้อง  แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันการลงทุนด้าน  ไอทีและการลงทุนธุรกิจโดยรวม ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดไปแล้ว

.

การขยายแอพพลิเคชันอย่างต่อเนื่องและจำนวนข้อมูลของแอพพลิเคชันกำลังเพิ่มภาระให้กับพนักงานและมีผลต่องบประมาณของบริษัท  โดยแต่ละแอพพลิเคชันจะแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องต้นทุน ความจุ ประสิทธิภาพ และระดับความพร้อมใช้งาน   การปรับใช้โซลูชัน ที่ทำให้บริษัทใช้สินทรัพย์ให้เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการใช้งานแอพพลิเคชันใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และปรับปรุงประสิทธิภาพของแอพพลิเคชันที่มีอยู่ ตลอดจนลดต้นทุนได้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก

.

หลายบริษัทกำลังใช้ชุดแอพพลิเคชันเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้องค์กรประสบความสำเร็จท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในปัจจุบัน

.

        - บริษัทเหล่านี้กำลังรวบรวม จัดเก็บ วิเคราะห์ ข้อมูลเพิ่มมากขึ้นด้านผลิตภัณฑ์, ลูกค้า, และ      การทำธุรกกรรม 

        - บริษัทเหล่านี้ใช้อีเมล์, ระบบอีคอมเมิร์ซ และเว็บไซต์ในการติดต่อสื่อสารและทำธุรกิจกับลูกค้าหรือหุ้นส่วนทางธุรกิจ 

        - บริษัทเหล่านี้ได้เพิ่มสถิติที่เป็นดิจิตอล, รูปภาพ, และคอนเท้นต์ต่าง ๆ   โดยเพิ่มประสิทธิภาพ

.

เห็นได้จากผลการศึกษาของบริษัท ไอดีซี ที่ชื่อว่า 2005 Trends in Storage Survey (การสำรวจแนวโน้มของสตอเรจในปี 2005) ได้ทำการสำรวจจากผู้บริหารไอทีจำนวน  270 คนของบริษัทในสหรัฐฯ ที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน และพบว่าแอพพลิเคชันด้านธุรกรรม เช่น ERP, CRM และ OLTP (OnLine Transaction Processing) เป็นกลุ่มที่ใช้เนื้อที่ในสตอเรจองค์กรมากที่สุด (จำนวน 32.1% ของความจุโดยเฉลี่ย)    ขณะที่เซิร์ฟเวอร์จัดการไฟล์และ    การพิมพ์ใช้น้อยมาก (แค่ 2.8%) และน้อยกว่าเว็บเซิร์ฟเวอร์เล็กน้อย ส่วนชุดแอพพลิเคชัน ใหม่ ได้แก่ อีเมล์และเนื้อหาดิจิทัลใช้ความจุของสตอเรจ 7.7% และ 10.8% ตามลำดับ นั่นหมายความว่าผู้บริหารด้านไอทีจะต้องปรับใช้สถาปัตยกรรมสตอเรจที่สนับสนุนความต้องการที่แตกต่างกันในองค์กร และต้องลดความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐาน ลดการบริหารจัดการมากเกินไป และต้องทำให้ต้นทุนต่ำลงด้วย

.

การสำรวจครั้งนี้ยังพบด้วยว่าผู้ตอบแบบสอบถามกำลังจัดสรรความจุของสตอเรจมากถึง 1 ใน 4 (27.6%) ในด้านการป้องกันข้อมูลที่จัดเก็บในดิสก์ เพราะหลายบริษัทกำลังกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลตลอดอายุการใช้งานทั้งในระยะสั้นและยาว

.

ผู้บริหารเหล่านี้บอกว่าแอพพลิเคชันที่ผลักดันให้เกิดการขยายตัวของสตอเรจอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การป้องกันข้อมูลและการกู้คืนข้อมูลที่เสียหาย (50.2%) ตามมาด้วยความต้องการของระบบเก็บข้อมูลระยะยาว (46.8%) นอกจากนี้ ยังมีแอพพลิเคชัน ใหม่ที่ได้รับความสนใจอย่างมากอีกสองรายการ นั่นคืออีเมล์และเนื้อหาดิจิทัล

.

ดังนั้นองค์กรจึงต้องพัฒนาแผนธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถป้องกันข้อมูลและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเงื่อนไขทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาต้องการพันธมิตรด้านสตอเรจที่สามารถให้โซลูชัน สตอเรจที่ช่วยสร้างมั่นใจได้ว่าแอพพลิเคชัน ต่าง ๆ  นั้นจะพร้อมใช้งานโดยที่ปริมาณข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมากต้องมีความเป็นเอกภาพด้วย

.

ในระหว่างปี 2548-2551 บริษัท ไอดีซี คาดการณ์ว่าความจุสตอเรจองค์กรที่บริษัทต่าง ๆ  ทั่วโลกต้องการใช้ต่อปีจะเพิ่มขึ้น 367% จาก 1,786 เพตาไบต์ เป็น 6,652 เพตาไบต์ นอกจากนี้ ผู้จัดการไอทียังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจะไม่เพิ่มจำนวนพนักงานเพื่อมาจัดการกับความจุของสตอเรจที่เพิ่มเกือบสี่เท่าตัวนี้ด้วยภาวะเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนของธุรกิจบังคับให้ผู้บริหารต้องตรวจสอบค่าใช้จ่ายของระบบสตอเรจใหม่ และหันมาให้ความสำคัญกับการใช้สตอเรจที่มีอยู่แล้วให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด ดังนั้นจึงต้องมองหาโซลูชัน ด้านการบริหารจัดการที่สามารถแก้ปัญหาเรื่องสตอเรจ ข้อมูล และจัดการกับแอพพลิเคชัน ที่หลากหลายในองค์กรให้ได้

.

การปรับใช้สตอเรจให้เหมาะสมเพื่อบรรลุความต้องการที่ไม่ซ้ำกันของแอพพลิเคชันจำเป็นต้องใช้โซลูชัน ที่ทำให้สตอเรจสามารถใช้แอพพลิเคชันได้อย่างเหมาะสม โดยมีส่วนประกอบ ดังนี้

.

          - สถาปัตยกรรมตัวควบคุมสตอเรจที่เป็นเครือข่าย (Network Storage Controller) ที่ทำให้ผู้จัดการสตอเรจสามารถสร้างกลุ่มสตอเรจเสมือนจริงที่มีขนาดใหญ่และไดนามิก (คล่องแคล่ว) พร้อมทั้งปรับปรุงส่วนประกอบสำคัญของสตอเรจ (เช่น แคช การเชื่อมต่อเครือข่าย และขนาดของระบบเสมือนจริง) ให้เหมาะสมกับแอพพลิเคชัน ที่กำหนด 

          - ชุดของซอฟต์แวร์จัดการสตอเรจที่สามารถจัดการความจุสตอเรจได้โดยอัตโนมัติ สามารถเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างชั้นของสตอเรจที่แตกต่างกัน สามารถป้องกันและกู้คืนข้อมูลได้ 

          - ระบบสตอเรจและบริการจะต้องมีคุณสมบัติในการแก้ปัญหาให้องค์กรได้ทันเวลาและให้ผลตอบแทนสูงสุดในการลงทุนด้านสตอเรจ

.

ความต้องการสตอเรจที่สามารถใช้แอพพลิเคชัน ได้อย่างเหมาะสมและความต้องการในซอฟต์แวร์จัดการสตอเรจกำลังกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาระบบสตอเรจรุ่นใหม่ ที่บริษัท ไอดีซีเรียกว่า ตัวควบคุมสตอเรจที่เป็นเครือข่ายออกมาแล้ว สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถขยายความสามารถของระบบสตอเรจระดับบนแต่ละระบบให้เป็นกลุ่มสตอเรจที่มีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพ โดยโซลูชัน เหลานี้ ได้แก่

.

          - การเชื่อมต่อและทำให้ระบบสตอเรจที่แตกต่างกันจำนวนมากกลายเป็นระบบเสมือนจริงขนาดใหญ่ที่สามารถจัดการได้ราวกับว่าเป็นระบบเดียว 

          - ลดความซับซ้อนในการจัดการด้วยการใช้ชุดสตอเรจและซอฟต์แวร์การจัดการข้อมูล 

          - ปรับขนาดได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่าโดยไม่รบกวนการดำเนินการที่อยู่ 

          - สามารถจัดสรรแหล่งทรัพยากรสตอเรจแบบชั้นให้กับแอพพลิเคชัน ที่หลากหลายได้อย่างลงตัว

.

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การพัฒนาในเทคโนโลยีความจุสูงและต้นทุนต่ำได้ส่งเสริมความสามารถของสตอเรจข้อมูล ลดต้นทุน และก่อให้เกิดแนวคิดสตอเรจแบบชั้นที่สามารถใช้งานแอพพลิเคชัน ที่แตกต่างกันได้ในองค์กรเดียวในการสำรวจของบริษัทไอดีซีพบว่าการรวมระบบสตอเรจเข้าด้วยกัน ก็เพื่อให้เกิดความจุที่เพิ่มขึ้น และสิ่งนี้ได้ผลักดันให้เกิดสตอเรจแบบชั้น เนื่องจากคุ้มค่ามากขึ้นในการสำรองข้อมูลแอพพลิเคชัน ทั้งจากภายในและระยะไกล สามารถเก็บข้อมูลได้ยาวนานตามข้อบังคับของกฎหมายและเพื่อประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ด้านธุรกิจ และช่วยให้แผนกไอทีสามารถแก้ปัญหาการใช้แอพพลิเคชัน ที่แตกต่างกันในองค์กรได้

.

เอโอเอส เป็นแนวโน้มใหม่ที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมสตอเรจ เนื่องจากเป็นการเชื่อมโยงระบบสตอเรจและแอพพลิเคชัน ต่าง ๆ  เข้าด้วยกัน จะเห็นได้ว่าเมื่อบริษัทต่าง ๆ  มองหาการลงทุนที่ทำให้สตอเรจที่มีอยู่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและให้ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ พวกเขาต้องการโซลูชัน สตอเรจที่ทำให้กระบวนการจัดการแอพพลิเคชัน และไอทีง่ายขึ้น ขณะที่ช่วยส่งเสริมการใช้ประโยชน์สินทรัพย์และเสริมประสิทธิภาพแอพพลิเคชัน โดยรวมและลดต้นทุนด้วย

.

บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ผู้นำด้านระบบสตอเรจ (ระบบจัดเก็บข้อมูล) ซอฟต์แวร์ และบริการ ให้กับองค์กรทั่วโลกได้นำเสนอ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการสตอเรจที่ครบวงจร ภายใต้ชื่อโซลูชัน  Application Optimized StorageTM หรือ (AOS) โซลูชัน นี้เหมาะกับบริษัททั้งหลายที่กำลังมองหาผลตอบแทนสูงสุดในด้านการลงทุนแอพพลิเคชัน ของพวกเขา

.

พื้นฐานของโซลูชัน เอโอเอส คือ TagmaStoreTM Universal Storage Platform และ Network Storage Controller ซึ่งสนับสนุนการทำงานทั้งในระดับโมดูลและระบบเสมือนจริงขนาดใหญ่พร้อมทั้งจำลองแบบข้อมูลในสภาพแวดล้อมสตอเรจแบบชั้น (การจัดเก็บข้อมูลแบบแบ่งระดับชั้น) ขององค์กรขนาดใหญ่ นอกจากนี้โซลูชัน เอโอเอสยังมีส่วนประกอบอื่นที่สำคัญ ได้แก่ ชุดซอฟต์แวร์ HiCommand ที่ทำให้เกิดความสามารถในการปรับขนาดสตอเรจ จัดการข้อมูลและแอพพลิเคชัน ภายใต้สภาพแวดล้อมสตอเรจที่แตกต่างกัน

.

ความร่วมมือของมืออาชีพด้านสตอเรจอย่างบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ และพันธมิตรของบริษัท ในการส่งมอบโซลูชัน เอโอเอสจะก่อให้เกิดพื้นฐานที่มั่นคงในการสร้างสถาปัตยกรรมสตอเรจองค์กรที่สามารถปรับขยายได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงความต้องการในแอพพลิเคชัน ขององค์กรโดยไม่ไปรบกวนกิจกรรมทางธุรกิจที่กำลังดำเนินอยู่หรือใช้ทรัพยากรด้านไอทีมากเกินไป