เนื้อหาวันที่ : 2008-12-17 14:38:35 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1139 views

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ย. ลดวูบ จี้นายกฯใหม่ เร่งงบแสนลบ.

สันติ ประธานสภาอุตฯ เผย ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ย.อยู่ที่ 71.8 ลดลงจากเดือนต.ค.ที่ 75.5 เป็นการปรับตัวลดลงเกือบเข้าใกล้จุดต่ำสุด ที่ระดับ 71.4 ในเดือน พ.ค.51 จี้นายกฯใหม่ ลดภาษี ณ ที่จ่าย-นิติบุคคล-เร่งงบแสนลบ.วัดฝีมือ "อภิสิทธิ์" ว่าที่นายกคนใหม่

สันติ ประธานสภาอุตฯ เผย ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ย.อยู่ที่ 71.8 ลดลงจากเดือนต.ค.ที่ 75.5 เป็นการปรับตัวลดลงเกือบเข้าใกล้จุดต่ำสุด ที่ระดับ 71.4 ในเดือน พ.ค.51  จี้นายกฯใหม่ ลดภาษี ณ ที่จ่าย-นิติบุคคล-เร่งงบแสนลบ.วัดฝีมือ อภิสิทธิ์ ว่าที่นายกคนใหม่

.

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ย.อยู่ที่ 71.8 ลดลงจากเดือนต.ค.ที่ 75.5 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเกือบเข้าใกล้จุดต่ำสุด ที่ระดับ 71.4 ในเดือน พ.ค.51  

.

สำหรับสาเหตุที่ดัชนีปรับลดลงได้รับผลกระทบจากยอดคำสั่งซื้อ และยอดขาย ที่ชะลอตัวลงมากทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ สาเหตุจากปัญหาทางการเมืองในประเทศที่เกิดขึ้น รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกจากต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการในเดือนนี้ปรับลดลงไม่มากนัก   "เป็นการลดลงเข้าใกล้ระดับต่ำสุดในเดือน พ.ค.51 ที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 71.4" นายสันติ ระบุ

.

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นที่จำแนกตามขนาดของกิจการ พบว่า อุตสาหกรรมขนาดกลาง และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง มีเพียงอุตสาหกรรขนาดย่อมที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ด้วยปัจจัยบวกด้านต้นทุนที่ปรับตัวลดลงมาก ประกอบกับยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทั้งนี้ เนื่องจากปัจจัยบวกภายในประเทศ เช่น ราคาน้ำมันที่ลดลง ส่งผลให้ค่าครองชีพของประชาชนลดลง ตลอดจนใกล้เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ช่วยกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงนี้ ซึ่งถ้าหากสถานการณ์ทางเมืองคลี่คลาย คาดว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคน่าปรับตัวดีขึ้น

.

ส่วนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ผลประกอบการในเดือนนี้ปรับลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาเนื่องจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศชะลอการสั่งซื้อสินค้าลงอย่างมาก โดยเฉพาะลูกค้าจากตลาดต่างประเทศ บวกกับการยึดสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิของกลุ่มพันธมิตรฯ ในช่วงปลายเดือนพ.ย.51ส่งผลให้การส่งออกสินค้าต้องล่าช้าออกไป ซึ่งผู้ประกอบการมองว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการอย่างมากในระยะต่อไป

.

นายสันติ กล่าวว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เสนอแนะให้ภาครัฐเร่งยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น และหันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ มีนโยบายสนับสนุนให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับภาคอุตสาหกรรม  

.

รวมทั้งสนับสนุนมาตรการทางภาษี เช่น การลดอัตราภาษีนำเข้าวัตถุดิบหรือการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล อีกทั้งหาแหล่งตลาดใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรมส่งออก เพื่อทดแทนตลาดหลักที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินสหรัฐฯ และดูแลเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนอย่าให้มีความผันผวน โดยคงระดับไว้ที่ 33-35 บาท/ดอลลาร์ เพื่อช่วยอุตสาหกรรมส่งออก

.

จี้นายกฯใหม่ ลดภาษี ณ ที่จ่าย-นิติบุคคล-เร่งงบแสนลบ.

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เผยเตรียมยื่นข้อเสนอแนะของภาคเอกชนเกี่ยวกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้(18 ธ.ค.)

.

ข้อเสนอดังกล่าว ได้แก่ การจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวน 5 หมื่นล้านบาท, การจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ, การเร่งรัดเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 แสนล้านบาทภายในเดือน มี.ค.-เม.ย.52, การเพิ่มวงเงินหักคืนภาษีหรือปรับลดการหักภาษี ณ ที่จ่ายจาก 3% เหลือ 1%, การกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน, เร่งจัดตั้งทีมเศรษฐกิจ

.

การตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.), การตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อดูแลปัญหาเรื่องน้ำและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด, การเร่งรัดส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมต้นน้ำในพื้นที่เซาเทิร์นซีบอร์ด, การปรับลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 25%, การผลักดันให้มีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1% จาก 2.75% เหลือ 1.75%, การดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพและเอื้อประโยชน์ต่อการส่งออก, การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อส่งเสริมการลงทุน, การเร่งส่งเสริมธุรกิจโลจิสติกส์, การเร่งใช้ประโยชน์จากการทำเอฟทีเอ เป็นต้น

.

ประธาน ส.อ.ท. เชื่อว่า หากนายอภิสิทธิ์รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจพื้นตัวและความเชื่อมั่นได้อย่างรวดเร็วขึ้น

.

ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์เตรียมนำทีมเศรษฐกิจเดินทางไปพบกับผู้บริหาร ส.อ.ท.ในช่วงบ่ายวันนี้ แต่เนื่องจากติดภารกิจต้องเตรียมตัวรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ในช่วงเย็นวันนี้จึงได้เลื่อนเวลาพบปะกันไปเป็นวันพรุ่งนี้