เนื้อหาวันที่ : 2008-12-16 12:23:44 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1232 views

นักธุรกิจไม่หวังทีมเศรษฐกิจ มาร์ค ติดภาพเชื่องช้ายึดหลักการ! ชี้ตั้งรมต.ใบสั่งอยู่ไม่เกิน 6 เดือน

ภาคธุรกิจไม่เชื่อฝีมือทีมเศรษฐกิจของ ปชป.ยังไม่ชำนาญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาแสดงฤทธิ์ให้เห็นแล้ว และยังเป็นพรรคที่ทำงานช้ายึดหลักการ แนะปรับกลยุทธ์ในการทำงานเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์และเวลา เพราะหากแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจไม่ทันการณ์กับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยแบบดิ่งลงเหวในปัจจุบัน

ภาคธุรกิจไม่เชื่อฝีมือทีมเศรษฐกิจของ ปชป.ยังไม่ชำนาญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาแสดงฤทธิ์ให้เห็นแล้ว และยังเป็นพรรคที่ทำงานช้ายึดหลักการ ซึ่งจุดนี้ต้องปรับกลยุทธ์ในการทำงานเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์และเวลา เพราะหากแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจไม่ทันการณ์กับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยแบบดิ่งลงเหวในปัจจุบัน 

.

นายสมคิด เรืองอร่าม ประธานที่ปรึกษาหอการค้า จ.สมุทรปราการ กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทย ว่า ส่วนตัวมองไม่ว่าสภาผู้แทนราษฎรจะโหวตเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คงไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวดีขึ้น แต่เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ก็ขอวิงวอนทุกฝ่ายให้การสนับสนุน อย่าแตกแยก โดยเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ

.

นายทศพล วังศิลาบัตร ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่าในส่วนของนักธุรกิจภาคเอกชน มองดู ส.ส.ของ ปชป.และพรรคร่วมแล้ว พบว่าส.ส.ที่เก่งด้านเศรษฐกิจนั้นหายาก และด้วยภาพลักษณ์เป็นพรรคที่ทำงานเชื่องช้า ทำให้ ปชป.ต้องปรับกลยุทธ์ในการทำงาน ดังนั้น อยากให้ ปชป.จัดทีมเศรษฐกิจโดยไม่ยึดหลักโควต้า และควรเชิญบุคคลนอกที่มีความเก่งด้านเศรษฐกิจ มีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับของคนทั้งประเทศมาร่วมทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่

.

นายสุวรรณลภ ภูวบัณฑิตสิน ประธานหอการค้า จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาทีมเศรษฐกิจของ ปชป.ยังไม่ชำนาญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และยังเป็นพรรคที่ทำงานช้ายึดหลักการ ซึ่งจุดนี้ต้องปรับกลยุทธ์ในการทำงานเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์และเวลา เพราะหากแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจไม่ทันการณ์กับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยแบบดิ่งลงเหวในปัจจุบัน

.

นายสุนทร ธัญญวัฒนกุล ประธานหอการค้า จ.ชลบุรี กล่าวว่า อยากให้นายอภิสิทธิ์เข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะขณะนี้เศรษฐกิจแย่ไปหมด โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ที่สำคัญอยากให้การเมืองนิ่ง ลบความแตกแยกให้ได้ หากทำไม่ได้ภายใน 2-3 เดือน ก็ควรพิจารณาตนเอง

.

นายประโยชน์ อรรถธร ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ชลบุรี กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาโรงงานอุตสาหกรรมที่จะปิดตัว เพราะหากมีคนตกงานเยอะ ปัญหาใหญ่จะตามมา รวมทั้งให้เร่งแก้ไขปัญหาการส่งออก เพราะเป็นรายได้หลักของประเทศ อยากให้มีการเจรจาเอฟทีเอ หรือข้อตกลงทางด้านการค้าในแถบอาเซียน จะได้มีการปรับระบบการส่งออก ซึ่งอาจจะมีการลดภาษีบางตัว เพื่อช่วยเหลือให้นักลงทุนในประเทศมีโอกาสส่งสินค้าไปแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้

.

ดร.สิงห์ ตั้งเจริญชัยชนะ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรม จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ควรที่จะต้องนำภาคส่วนต่างๆ เข้ามาร่วมประชุมหารือเพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศอย่างเร่งด่วนที่สุด โดยเฉพาะการแต่งตั้งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ มากกว่าการจัดสรรตามโควต้าของพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุน

.

นายชัยยุทธ เสณีตันติกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก กล่าวว่า "รัฐบาลใหม่ไม่น่าอยู่ได้เกิน 6 เดือน เพราะปัจจัยต่างๆ แต่การดำรงอยู่ของรัฐบาลยังไม่ควรด่วนยุบสภาที่เร็วเกินไป จะทำให้บ้านเมืองมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ"

.

นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ เลขาธิการหอการค้าภาคอีสาน กล่าวว่า ถ้านายอภิสิทธิ์สามารถตั้งทีมเศรษฐกิจที่ดีขึ้นมาแก้ไขปัญหาของประเทศได้ จะทำให้เกิดความยอมรับจากสังคม แต่หากนายอภิสิทธิ์จัดตั้ง ครม.ตามโควต้าหรือข้อตกลงทางการเมือง จะทำให้สังคมเกิดความไม่ยอมรับ และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะอยู่ได้ไม่นาน จนต้องยุบสภาในที่สุด

.

นายเสนีย์ ภูวเศรษฐ์ถาวร นายกสมาคมส่งเสริมการเท่องเที่ยวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า รัฐบาลใหม่ต้องเร่งนโยบายท่องเที่ยวในเชิงรุก เยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ประสบปัญหาด้านเงินทุนหมุนเวียน และหนี้สินที่กู้ยืมจากธนาคาร โดยผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีท่องเที่ยวต้องเก่ง เพราะคนเดิมทำมาตรฐานไว้สูงมาก นอกจากนี้ หน้าตา ครม.เศรษฐกิจจะทำให้ความเชื่อมั่นมีมากขึ้น

.

นายสาโรช รัตนาวดี ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ และกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "ขอดูหน้าตาคณะรัฐมนตรีว่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้แค่ไหน ผมให้เวลา 3 เดือน หลังปีใหม่ก็พอจะทราบว่ารัฐบาลชุดใหม่จะทำได้แค่ไหน"

.

ที่มา : มติชนออนไลน์