สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย  ห่วงการเมืองบานปลายหลังปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำให้ชิ้นส่วนสำคัญจำเป็นในการตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออกไม่สามารถนำออกจากคลังสินค้าได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิต จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขสถานการณ์ด่วน

นายวัลลภ  วิตนากร  เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย  กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดล้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า  ทำให้ชิ้นส่วนสำคัญจำเป็นในการตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออกไม่สามารถนำออกจากคลังสินค้าได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิต จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขสถานการณ์ด่วน

นายวัลลภ กล่าวว่า เพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทแต่ละแห่งจะติดต่อไปยังลูกค้าต่างประเทศเพื่อขอใช้ชิ้นส่วนที่พัฒนาในประเทศไทยทดแทน  ขณะเดียวกันเพื่อป้องกันการปฏิเสธของลูกค้าก็จะต้องผลิตให้เร็วขึ้น  เพราะลูกค้าในต่างประเทศอาจถือโอกาสปฏิเสธรับซื้อสินค้า  ปกติอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มส่งออกทางเรือ  แต่หากส่งไม่ทันก็จะส่งทางเครื่องบิน  แต่ขณะนี้สนามบินปิด การส่งสินค้าที่ล่าช้าอยู่แล้วก็จะเป็นการเปิดโอกาสผู้ซื้อในต่างประเทศใช้โอกาสนี้ไม่รับสินค้า

สำหรับสินค้าที่น่าห่วงในปีหน้า  คือ สินค้ายี่ห้อดังมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 20  ของเสื้อผ้าส่งออกของไทย  อีกร้อยละ 80  เป็นสินค้าผลิตขายจำนวนมาก  ส่วนยอดส่งออกภาพรวมปี 2551  จะยังเติบโตร้อยละ 5  มูลค่ารวม  3,550  ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ส่วนปี 2552  ยอดส่งออกยังขยายตัวได้อีกร้อยละ 5  โดยมีมูลค่า  3,730  ล้านดอลลาร์สหรัฐ  สินค้ายี่ห้อที่ขายตามห้าง  คาดว่ายอดขายจะลดลงตามกำลังซื้อและภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรป  ขณะที่สินค้าที่ผลิตจำนวนมาก โดยวางขายตามดีสเคาน์สโตร์ยอดขายน่าจะเท่าเดิม

เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย  กล่าวอีกว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยได้ปรับตัวด้วยการลดต้นทุนและสามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น  ขณะที่จีนประสบปัญหาค่าแรงสูงขึ้นส่งผลให้สินค้าแพงขึ้น  คำสั่งซื้อจากยุโรปจึงกลับมาที่ไทย  ยอดสั่งซื้อจากยุโรปเติบโตร้อยละ 14  และคำสั่งซื้อยังคงอยู่ที่ไทยและยังต่อเนื่องไปยังปีหน้า  เพราะเป็นคำสั่งซื้อที่ตรงต่อเวลาและคุณภาพตามมาตรฐาน 

ส่วนตลาดสหรัฐ มั่นใจว่าจะยังคงรักษายอดคำสั่งซื้อได้ ด้านตลาดญี่ปุ่นและเอเชียเติบโตร้อยละ 10  ทำให้ทั้งปีคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 5  ด้านต้นทุนการผลิตก็ปรับลดลงตามราคาน้ำมัน  ค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่น่าพอใจ  ขณะที่วิธีแก้ไขด้านบุคลากรเพื่อลดต้นทุนคือลดชั่วโมงทำงานล่วงเวลาและวันหยุด สำหรับการปลดออกจะเป็นวิธีสุดท้าย

"การจ้างงานในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ภาพรวมยังขาดแคลนประมาณ 20,000  คน โดยเฉพาะภาคตะวันออก เฉียงเหนือ  ซึ่งตามรายงานที่แจ้งมาล่าสุด  5-6  โรงงานต้องการแรงงานรวม  7,000  คน ดังนั้น  หากตกงานและเป็นคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือสามารถปรับเปลี่ยนมาทำอุตสาหกรรมนี้ได้  ส่วนโรงงานใดต้องการแรงงานก็สามารถแจ้งมาที่สมาคมฯ ได้."

ที่มา : สำนักข่าวไทย