เนื้อหาวันที่ : 2008-11-18 09:27:20 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1484 views

คอมมาร์ตปลายปี กวาดยอดตามเป้า เม็ดเงินสะพัดกว่า 3,200 ล้านบาท

เอ.อาร์. ประกาศความสำเร็จ "คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2008" ตามเป้าเม็ดเงินสะพัดกว่า 3.2 พันล้านบาท สวนกระแสตลาดไอทีอั้นกำลังซื้อ หลังอัดฉีดงบจัดงานเพิ่มเฉียด 40 ล้าน ดึงผู้เข้าชมงานตามเป้า 1 ล้านคน พร้อมเดินหน้างานคอมมาร์ต’ปี 52 ด้วยมาตรฐานเทียบชั้นระดับอาเซียน

.

เอ.อาร์. ประกาศความสำเร็จ คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2008 ตามเป้าเม็ดเงินสะพัดกว่า 3.2 พันล้านบาท สวนกระแสตลาดไอทีอั้นกำลังซื้อ หลังอัดฉีดงบจัดงานเพิ่มเฉียด 40 ล้าน ดึงผู้เข้าชมงานตามเป้า 1 ล้านคน พร้อมเดินหน้างานคอมมาร์ตปี 52 ด้วยมาตรฐานเทียบชั้นระดับอาเซียน ฝั่งผู้ค้าไอทีโล่งอกโกยยอดปลายปีตามเป้า หลังเทกระจาดทุบราคากระตุ้นซื้อคึกคัก เผยโน้ตบุ๊กยังครองแชมป์อันดับ 1 หลังคลอด เน็ตบุ๊ก กว่า 9 แบรนด์ ทำยอดขายรวมตลอดงาน 42,000 เครื่อง  

.

นายปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ.อาร์. อินฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด ผู้จัดงานคอมมาร์ต เปิดเผยถึงความสำเร็จงาน  คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2008 ครั้งที่ 20 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมาว่า การจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามความคาดหมาย ด้วยเม็ดเงินสะพัดภายในงานตลอด 4 วัน กว่า 3,200 ล้านบาท จากผู้เข้าชมงานทะลุ 1 ล้านคน

.

ภายหลังปรับอัดฉีดเพิ่มงบประมาณโฆษณาประชาสัมพันธ์ กระตุ้นกำลังซื้อก่อนงานเฉียด 40 ล้านบาท พร้อมทั้งผู้ค้าไอทีทั้ง 9 แบรนด์ได้ส่งโน้ตบุ๊กพันธุ์ใหม่ เน็ตบุ๊ก เป็นธงนำสร้างสีสันกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคภายในงาน โดยมียอดขายโน้ตบุ๊กรวม 42,000 เครื่อง ส่งผลให้ตลาดรวมโน้ตบุ๊กปีนี้มียอดรวมกว่า 1.3 ล้านเครื่อง

.

นับว่างาน คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2008 ครั้งนี้ได้ช่วยแก้วิกฤติตลาดไอทีระดับคอนซูเมอร์ปลายปีให้สามารถปิดยอดขายได้ตามเป้า หลังตลาดชะลอซื้อในช่วงที่ผ่านมา และจะคงกระแสความคึกคักให้ตลาดไอทีปี 2552 ยังสามารถเติบโตไปได้อีก เนื่องจากมั่นใจว่าผู้บริโภคยังมีกำลังซื้อเพียงแต่ช่วงที่ผ่านมา ไม่มั่นใจในสภาวะตลาด และเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว รวมทั้งงานปีนี้ยังได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ตลาดไอที

.

โดยแจ้งเกิดแบรนด์น้องใหม่หลายแบรนด์ที่คาดว่าจะเข้ามาสร้างสีสันให้ตลาดไอทีปีหน้า ขณะที่โน้ตบุ๊กมวยรองแบรนด์เล็กๆ ได้ปรับกลยุทธ์ขยับคุณภาพสินค้า และทำราคาสุดคุ้มชิงยอดขายจากผู้นำตลาดเพิ่มขึ้น 15-20% จากเดิมที่เคยมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 5-10%

.

.

ตลาดไอทีปีหน้ายังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะมีน้องใหม่เข้ามาในตลาดหลายแบรนด์ โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กแบรนด์หลักๆ ที่จะมีการเพิ่มไลน์สินค้า เพื่อเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น อาทิ เกตเวย์ รวมทั้งการกลับมาของโน้ตบุ๊กแบรนด์ที่เคยเปิดตัวในตลาดก่อนหน้านี้ จะปรับโฉมและเข้ามาบุกตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดไอทีปีหน้ามีการแข่งขันแรงขึ้นอีกหลายเท่านายปฐมกล่าว

.

สำหรับสินค้าที่มียอดขายสูงสุดในงาน  คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2008 แบ่งตามลำดับได้ดังนี้ โดยโน้ตบุ๊กยอดขายรวม 42,000 เครื่อง, อันดับสองจอแอลซีดี มอนิเตอร์ ยอดขายรวม 166 ล้านบาท, อันดับสามกล้องดิจิตอล ยอดขายรวม 160 ล้านบาท, อันดับสี่พรินเตอร์ ยอดขายรวม 55 ล้านบาท, และอันดับห้า อุปกรณ์ไอทีอื่นๆ ยอดขายรวม 700 กว่าล้านบาท และคิดเป็นยอดรายได้รวมทั้งหมด 3,200 ล้านบาท

.

ปัจจัยที่ทำให้ เอ.อาร์. ประสบผลสำเร็จในการจัดงานไอทีโค้งสุดท้ายปลายปีครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความร่วมมือของผู้ค้าไอที พันธมิตรผู้ให้สินเชื่อ และบัตรเครดิตต่างๆ ที่มีโปรโมชั่นหลากหลาย อาทิ ลดแลกแจกแถม มอบบัตรส่วนลดสินค้า บัตรเติมน้ำมัน และเพิ่มอุปกรณ์เสริมไอทีต่างๆ รวมทั้งฟรีดอกเบี้ย 0% 10 เดือน ส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้เร็วขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมการซื้อสินค้าในครั้งนี้ผู้บริโภคซื้อในรูปแบบการผ่อนชำระมากขึ้นถึง 50% จากเดิมซื้อสินค้าด้วยเงินสดกว่า 65% ผ่อนชำระเพียง 35% ส่วนผู้เข้าชมงานกว่า 80% มีการซื้อสินค้าติดมือกลับบ้าน เนื่องจากมีโปรโมชั่นน่าสนใจ และราคาสินค้าถูกที่สุดเป็นประวัติการณ์

.

สำหรับทิศทางของการจัดงานคอมมาร์ตในปี 2009 นายปฐมกล่าวว่า เอ.อาร์.ยังคงมุ่งมั่นในการนำเสนองานการจัดงานคอมมาร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยในชีวิตประจำวันและทางธุรกิจมาจัดแสดงเป็นประจำตลอดการจัดงานทุกครั้ง รวมทั้งเพิ่มมาตรฐานการจัดงานให้มีคุณภาพเทียบกับระดับอาเซียน เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าชม อาทิ นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว และนักศึกษา เป็นต้น